รวมเทคนิคที่หัวหน้าใช้ต่อรองไม่ให้ลูกน้องลาออก
เคยไหม? เรารู้สึกเสียดายคนคุณภาพ เพราะลูกน้องคนโปรดจู่ๆ มายื่นใบลาออกเอาดื้อๆ แบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า
เคยไหม? เรารู้สึกเสียดายคนคุณภาพ เพราะลูกน้องคนโปรดจู่ๆ มายื่นใบลาออกเอาดื้อๆ แบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า
ออฟฟิศคุณเป็นอีกที่รึเปล่า? ที่ลูกทีมพากันลาออก เพราะดันเจอคน Toxic คนเดียว หรือหัวหน้าเจ้าบงการ ชอบเสนอไอเดียบรรเจิดแก่ผู้บริหารให้ซื้อไอเดียนั้น ก่อนโยนให้ลูกน้องในทีมทำ ชอบสั่งงานมหึมาที่ไม่รู้จะทำให้เกิดขึ้นจริงได้ยังไง แถมตำหนิลูกน้องทุกจุดเมื่อเกิดความผิดพลาด แต่ไม่ช่วยหาโซลูชั่น
ปกติเวลาเราพูดว่า ต้องการทำให้องค์กร productive / creative / scalable ขึ้น กลยุทธ์มักโฟกัสไปที่การ “เพิ่ม” เข้าไปให้มากขึ้น ใหญ่ขึ้น ถี่ขึ้น เข้มข้นขึ้น โดยลืมไปว่า บางเรื่องอาจจะ Less is more ทำน้อยแต่ได้มาก…น้อยๆ แต่เน้นๆ อาจจะดีกว่า
ปกติแล้ว เรามักเคยชินกับนิยามของ “ผู้นำ” ที่ดีว่าต้องสามารถสร้าง “ผู้ตาม” ได้เยอะ ผู้นำต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มีทักษะบริหารดีเยี่ยม และต้องมีเสน่ห์บางอย่างที่ชวนให้ผู้คนได้เดินตามรอย
แต่ในศาสตร์ภาวะความเป็นผู้นำ ยังมีหลาย Leadership Style เอามากๆ ทั้งผู้นำแบบเผด็จกาจที่ชี้นิ้วสั่งให้เดินตามทุกกระเบียดนิ้ว หรือผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนตกผลึกทางความคิดด้วยตัวเอง
แต่ทั้งหมดนี้ มีอยู่สไตล์หนึ่งที่เรียกว่า Servant Leadership “ผู้นำที่รับใช้คนอื่น” ซึ่งถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นภาวะผู้นำบนยอดสุดของพีรามิด ที่แม้แต่คนระดับหัวหน้าผู้นำด้วยกันเองยังให้การยอมรับนับถือ!
ไม่มีหัวหน้างานคนไหนไม่รู้จักวลีคลาสสิคอย่าง “Put the right man on the right job.” เพราะงานของพวกเราอาจไม่ได้เน้นหนักที่ตัวเนื้องานอีกแล้ว แต่เป็นการบริหารคน ชี้แนะคน เข้าใจคน เพื่อที่จะมอบหมายงานได้ตรงความสามารถ
แต่การ “เข้าใจคน” เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก มีความเป็นนามธรรม และยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละคนได้
จึงมีความพยายามประยุกต์ใช้สิ่งที่เรียกว่า “Brand Archetype” มาช่วยจัดระเบียบความคิด จัดกลุ่มประเภทคนที่มีอุปนิสัยคล้ายกัน เมื่อเราเข้าใจคาแรคเตอร์ลูกทีมมากขึ้น จึงคาดหวัง ดีลงาน มอบหมายงานได้ตรงจุดกว่าเดิม
ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เราล้วนหนีไม่พ้น “การทำงานเป็นทีม” เพราะฉะนั้นมันไม่เหมือนกับการนั่งหน้าคอมทำงานคนเดียวแล้ว แต่เราต้องทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะทั้งกับคนในทีมหรือคนต่างทีมที่ต้องมีการประสานงานร่วมกัน
Rebranding for Entrepreneurs รุ่น 2 เปิดรับสมัครแล้ว กลับมาอีกครั้งกับคอร์สที่จะเตรียมพร้อมเจ้าของกิจการ ให้สามารถ “รีแบรนด์” ปรับธุรกิจให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะในโลกที่หมุนไปข้างหน้าทุกวัน มีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย แบรนด์ที่ล้ำกว่า สดใหม่กว่า กระทั่งเป็นที่รู้จักมากกว่า แล้วเราในฐานะเจ้าของกิจการเดิมๆ ที่ทำแบรนด์เดิมมาแล้วหลายปี จะต่อสู้กับกระแสโลกได้อย่างไร?
เคยรู้สึกว่าตัวเราเก่งไม่พอบ้างมั๊ย?
ทำงานมาแค่ไหนก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเก่งสักที ทำงานมาสัก 2-3 ปี เวลามีน้องๆ ในทีมมาถาม แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่เราให้คำตอบไม่ได้
หลายๆ ครั้งการทำงานของเรา เราเจ็บปวดกับความไม่รู้ อยากจะทำได้แต่ก็ทำไม่ได้ และใช้ความรู้สึกนี้เป็นเรื่องบั่นทอนจิตใจของตัวเอง แต่จริงๆ แล้วความรู้สึกแบบนี้เป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ หรือเปล่า
ในปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากนิยมท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนที่พูดคนละภาษา เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย
จาการศึกษาของบริษัท Brightspark Travel พบว่า 94% ของผู้นำชาวอเมริกัน ต่างเห็นด้วยว่า “การท่องเที่ยวช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ให้แก่พวกเขาในที่ทำงาน” เพราะพวกเขาได้นำทักษะการเป็นผู้นำต่างๆที่ได้เรียนรู้ในระหว่างการท่องเที่ยว มาใช้ในการทำงาน
เมื่อเราต้องวางตัวเองเป็นโค้ชหรือคนให้คำแนะนำคนอื่น จะทำอย่างไร ให้สามารถเป็นโค้ชที่ดีที่ให้คำแนะนำได้ตรงจุดมากขึ้น คำตอบคือ GROW Model