อัปเดตเทรนด์การทำงานในออฟฟิศที่ทุกคนต้องปรับตัวในปี 2023!

มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงการทำงานในออฟฟิศที่เริ่มเกิดขึ้นทั่วโลกแล้วในปี 2023 นี้ อย่างเช่น ตำแหน่งงานเกิดใหม่ ๆ ที่ใครก้าวเข้าไปทำได้ก่อนก็มีโอกาสได้ทำผลงานโปรเจคท์ใหญ่ๆ ที่ท้าทายและเข้าสู่ยุคใหม่ก่อนคนอื่น (จนไปถึง disrupt คนอื่น!)แล้วอะไรคือเทรนด์การทำงานในออฟฟิศที่ปีนี้คนเก่ง ๆ กลุ่ม Talents ต้องเจอแน่ๆ ชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้!

Hybrid Work มองให้เป็นเรื่องธรรมดา

ในเมื่อช็อปปิ้งยังมีออฟไลน์-ออนไลน์ แล้วทำไมทำงานเราจะแบ่งทำทั้งที่บ้าน-ที่ออฟฟิศไม่ได้? 

ช่วงสถานการณ์โควิดหนักๆ เราคุ้นเคยกับการ Work From Home ทำงานที่บ้านกันแทบจะ 100% แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานพอหลายคนก็เริ่มประสบปัญหาว่า การทำงานที่บ้าน 100% (หรือ 80-90%) อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

หลายคนเริ่มรู้สึกขาดสังคม ขาดการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม ขาดการสร้างทีม ขาดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรในแบบที่การเข้าออฟฟิศให้ได้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่จะต้องมาเจอกันบ้างเป็นระยะๆ และงานบางประเภทเหมาะกับการทำงานแบบเจอหน้าค่าตากันมากกว่า

ยุคนี้จึงมีการเลือกจุดตรงกลางด้วยนโยบาย Hybrid Work เช่น เข้าออฟฟิศ 3 วัน และทำงานที่บ้าน 2 วันต่อสัปดาห์ เป็นบาลานซ์ที่ลงตัว 

อันที่จริงประเด็นนี้ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาเร็วไปเร็ว แต่เป็นมาตรฐานใหม่ความคาดหวังใหม่ในการทำงาน(โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่)ไปแล้ว!

 

Work-Life Balance (กว่าเดิม)

ผลสำรวจจาก PWC พบว่าบริษัทกว่า 43% นำเสนอ Hybrid Work ที่บาลานซ์ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต แถมพ่วงด้วยสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น วันลาเพิ่ม 

สอดคล้องกับการสำรวจของ The Deloitte Global ว่า Gen Z กว่า 49% ต้องการรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เรากำลังอยู่ในยุคที่ผู้คนทุกภาคส่วนเรียกร้องประเด็นทางสังตมเรื่องสิทธิความเท่าเทียม การปกป้องแรงงาน จนไปถึงการก่อตั้งสหภาพแรงงาน (Labor union) ของหลายองค์กร

ยิ่งข่าว “คาโรชิ” หรือการทำงานจนตาย กลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในช่วงต้นปี คนทำงานหลายคนเลยขอบาย ถ้าจะต้องใช้งานตัวเองหนักเกินไป ทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาตัวเอง  

บริษัทที่จะดึงดูดคนเก่งให้มาร่วมงานได้นานๆ ต้องให้ได้ทั้งเงินและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ความแฟร์ในการทำงาน และสวัสดิการรอบด้านต่างๆ 

เช่น แทนที่จะทุ่มเงินไปกับค่าอาหารกลางวันและขนมของกินเพียบในออฟฟิศ องค์กรอาจนำมา redesign ให้เป็น Well-being program เช่น คลาสโยคะหลังเลิกงานให้แก่พนักงาน โดยเฉพาะกลุ่ม Talents ที่มองว่าเรื่องนี้มี value กับชีวิตการทำงานมากกว่าของกินไม่อั้นซะอีก

 

ออฟฟิศที่ต้องทำงานกับคนทุกเจนเนอเรชัน

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การทำงาน ที่เรามีคนอย่างน้อย 5 เจเนอรชั่นในออฟฟิศเดียวกัน ตั้งแต่ผู้บริหาร Baby boomer จนไปถึงเด็กจบใหม่ Gen Z หรือแม้กระทั่งเด็กมัธยมในบางอาชีพ

เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Multi-generation Workforce ออฟฟิศที่เต็มไปด้วยคนทุกวัย และเรารู้ดีว่าคนแต่ละเจนเติบโตมาในสังคมและทัศนคติที่แตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละเจนมีความคิด ความเชื่อ คาแรคเตอร์การทำงานที่ต่างกันเกือบจะสุดขั้ว เช่น

  • Baby boomer – ประสบการณ์สูง ถนัดทำเองมากกว่าใช้เทคโนโลยีช่วย
  • Gen Y – ชอบทำงานเป็นทีมและมองหาความประนีประนอม
  • Gen Z – ยืนหยัดในจุดยืนตัวเองและชอบทำงานด้วยตัวเอง

องค์กรจึงต้องหาทางบริหารจัดการความหลากหลายและลดความขัดแย้งระหว่างวัย 

 

AI คือ เพื่อนร่วมงานหลัก 

การมาถึงของ ChatGPT คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานไปแล้ว ทีมต้องกระตุ้นให้ทุกคนเรียนรู้การใช้งานและนำมาทุ่นแรงการทำงาน 

ตัวอย่างเช่น เราอาจให้ ChatGPT วางไกด์ไลน์คอนเทนต์ให้ ก่อนที่เราจะเป็นฝ่ายลงดีเทลและเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าหากันด้วยภาษาที่ถูกจริตคน หรือใช้โปรแกรม DALL-E 2 ในการช่วยนำเสนอไอเดียรูปภาพ artwork สวยๆ ในเวลาอันรวดเร็ว 

ในเมื่อเรามี AI เหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาการทำงานได้มาก แล้วจะทำงานแบบเดิมไปทำไม? บรรดาหัวหน้างานหรือผู้บริหารต้องรีบออกแบบนโยบายการทำงานใหม่ที่ให้ AI เหล่านี้มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแก่ทีมในเวลาที่น้อยลง

 

สกิลคนสำคัญมาก

ด้วยความที่ Hard skills หลายอย่างในปัจจุบันถูกเทคโนโลยีทำแทนหรือช่วยทุ่นแรงไปได้บ้างแล้ว เช่น ให้ ChatGPT มาช่วยวางโครงเรื่องการเขียนบทความ SEO โฟกัสตอนนี้จึงเริ่มเบนเข็มไปทาง Soft skills…หรือเจาะจงลงไปกว่านั้นก็คือ People skills ต่างหาก 

อย่างที่รู้ ๆ กันว่า เมื่อตำแหน่งสูงขึ้น การบริหารคนมีความยากและท้าทายกว่าบริหารงานซะอีก กลุ่ม Talents ที่ทำงานเก่งจึงหมายถึงเป็นคนที่เก่งเรื่องคน มองคนออก ใช้คนถูก รู้วิธีบริหารความสัมพันธ์ในทีมอย่างราบรื่น

และนี่คือเทรนด์การทำงานในออฟฟิศที่เริ่มเกิดขึ้นแล้วในปี 2023 ที่ทุกองค์กรต้องอยู่กับมัน

รีบเปลี่ยนตัวเอง…ก่อนคนอื่น  

รีบปรับตัว…เพื่อคว้าโอกาสดีๆ ไปก่อนใคร!

 

อ้างอิง :

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

Laura Vanderkam
ไม่มีคำว่า “ไม่มีเวลา” อีกต่อไปถ้าคุณมี Mindset แบบนี้ โดย Laura Vanderkam นักเขียนชื่อดังด้านการจัดการเวลา
สรุปวิธีคิดที่จะทำให้คุณ “มีเวลา” สำหรับสิ่งสำคัญในชีวิต โดยลอรา แวนเดอร์แคม (Laura Vanderkam) นักเขียนชื่อดังด้านการจัดการเวลา ผู้บรรยาย TED Talk ที่มียอดวิวหลายล้าน...
Vacation Blues
10 เคล็ดลับ "Bounce Back" สลัดอาการ "Vacation Blues" ให้หายเป็นปลิดทิ้ง!
อาการ “Vacation Blues” หรือความเศร้าหลังไปเที่ยวหยุดยาว เป็นอาการปกติที่เล่นงานคนทำงานอย่างหนักอึ้ง ซึ่งเกิดขึ้นกับคนทำงานหลายคนโดยเฉพาะช่วงหยุดยาว อย่างไรก็ตามการจมกับความเศร้าหลังเที่ยวไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก...
Harvard Business Review
ผลสำรวจพบเทรนด์ใหม่คนทำงาน เลือกใช้ AI ดูแลจิตใจแซงการทำงาน โดย Harvard Business Review
งานวิจัยจาก Harvard Business Review เพิ่งออกมา มีผลสำรวจพบว่าคนทำงานเปลี่ยนการใช้ AI จากเครื่องมือทำงาน มาเป็น “เพื่อนคู่ใจ” แทน สิ่งที่เปลี่ยนไปในปี...