ข้อดีของการทำงานแบบ Freelance (อาชีพอิสระ)

“Freelance” ทางเลือกงานอิสระที่ใครหลายคนสนใจ เรียกได้ว่าในหลาย ๆ ประเทศมีพนักงานหลายคนที่เลือกที่จะทำงานอิสระมากกว่าการเป็นพนักงานประจำ ซึ่งยิ่งในยุคสมัยนี้บอกเลยว่างาน Freelance ก็เป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างมากในกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ไฟแรง มาดูกันว่าทำงานแบบฟรีแลนซ์มีดีอย่างไรบ้าง

ถ้าตอนนี้คุณกำลังคิดอยู่ว่าอยากหางานแบบ Freelance คุณคิดถูกแล้ว เพราะว่าการทำงานในรูปแบบนี้มีข้อดีหลายอย่างที่คุณอาจจะนึกไม่ถึง หรือไป ๆ มา ๆ ก็อาจจะดีกว่าการเป็นพนักงานประจำอีกด้วย ยิ่งสำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถในการทำงานหลายอย่าง และไม่ได้อยากปิดกั้นตัวเองแค่งานเดียว การทำงานในรูปแบบนี้ยิ่งสามารถส่งเสริมคุณได้มากเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการทำงานแบบ Freelance เป็นทางเลือกหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำงานในรูปแบบไหนก็ตาม การทำงานแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน สำหรับหัวข้อในวันนี้ก็เหมือนเป็นการให้คุณได้เรียนรู้และเก็บการทำงานแบบ Freelance มากขึ้น และให้การทำงานในรูปแบบนี้ได้เข้าไปเป็นตัวเลือกในชีวิตการทำงานของคุณเพียงเท่านั้น

นอกเหนือจากความต้องการในการทำงานแบบ Freelance ที่เพิ่มมากขึ้น หลายบริษัทก็เปิดรับพนักงานในรูปแบบของ Freelance หรือพนักงานอิสระมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าหากสนใจทำงานรูปแบบนี้ในตอนนี้ บอกเลยว่าคุณมีตัวเลือกบริษัทและรูปแบบงานอยู่มากเลยทีเดียว

วันนี้ CareerVisa จะมาเปิดข้อดีของการทำงานในรูปแบบ Freelance ให้ทุกคนได้อ่านกัน ลองเก็บข้อดีเหล่านี้ไปเป็นเหตุผลในการตัดสินใจทำงานในรูปแบบนี้กันนะ

[7 ข้อดีของการทำงานในรูปแบบ Freelance]

1) มีอิสระในการทำสิ่งต่าง ๆ : หนึ่งข้อดีใหญ่ ๆ ของการทำงานรูปแบบ Freelance คือการที่เราสามารถทำอย่างอื่นร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีธุรกิจส่วนตัว หรือการเอาเวลาไปรับงานเสริมเพิ่มอีก เพื่อเพิ่มรายได้หลายช่องทางให้กับตัวเอง บอกเลยว่าค่อนข้างเป็นเหตุผลใหญ่หลัก ๆ ในการตัดสินใจทำงานรูปแบบนี้ของหลาย ๆ คน

2) เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น : แตกต่างกับการทำงานเป็นพนักงานประจำในบริษัทที่ต้องเข้าทำงานตามเวลาที่กำหนด การทำงาน Freelance สามารถเลือกทำงานตามเวลาที่ตัวเองต้องการได้ เพียงแต่ว่าต้องส่งงานตามเวลาที่กำหนด หรือผลลัพธ์งานออกมาเป็นตามที่ต้องการของนายจ้างเป็นพอ

3) จัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ : เพราะการทำงานเป็นพนักงานประจำ เรามีหัวหน้าทีมเป็นคนคอยจัดการสิ่งต่าง ๆ หรือวางแผนเรื่องการแจกจ่ายงานให้ แต่หากเรารับงานในรูปแบบ Freelance เราสามารถเลือกเองได้ว่าจะรับทำงานไหนหรือไม่รับงานไหน ด้วยการจัดการการทำงานด้วยตัวเราเอง

4) ทำงานจากที่ไหนก็ได้ : แทบจะทุกบริษัทที่พนักงานประจำต้องเข้าไปทำงานในออฟฟิศตามเวลาที่กำหนด แต่การทำงานรูปแบบ Freelance อาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าไปทำงานในออฟฟิศแต่สามารถเลือกที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ต้องทำงานออกมาให้ได้ตามเป้าหมายก็พอแล้ว

5) ควบคุมรายได้ของตัวเองได้ : เราสามารถเพิ่มหรือลดรายได้ของตัวเองได้ ตามปริมาณงานที่เราอยากรับ เราสามารถเลือกรับงานที่ให้ค่าจ้างเราได้มากกว่าได้ ในกรณีที่มีหลากหลายงานเข้ามาในเวลาเดียวกัน เพราะว่างาน Freelance ไม่ได้มีรายได้ตายตัว และเราสามารถจัดแจงได้ด้วยตัวเอง รวมถึงยังตั้งอัตราการจ้างด้วยตัวเองได้อีกด้วยในหลาย ๆ ที่

6) พัฒนาทักษะการทำงานได้ดี : ส่วนใหญ่แล้วงาน Freelance จะต้องการว่าจ้างคนที่มีทักษะในการทำงานค่อนข้างสูง หรือเป็น Specialist ในสายงานนั้น ๆ เช่น Content writer, Graphic designer และ Marketing planner เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเรารับงาน Freelance ที่หลากหลาย ได้เจอกับลูกค้าหรือตัวงานหลายรูปแบบ ก็เป็นข้อดีในการพัฒนาทักษะเฉพาะทางของตัวเองไปในตัว และสามารถนำไปต่อยอดกับงานอื่น ๆ หรือเส้นทางสายอาชีพของตัวเองได้อย่างมากเลยทีเดียว

7) นำประสบการณ์มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจของตัวเอง : เพราะเราได้ทำงานกับคนหลายรูปแบบ หรือธุรกิจหลายรูปแบบ ทำให้เราได้ลองตลาด หรือว่าศึกษาไปในตัวเอง ยิ่งทำงานตรงส่วนนี้เยอะเท่าไร ก็จะทำให้เรามองเห็นภาพกว้างขึ้นว่าเราเหมาะกับธุรกิจประเภทไหน หรือสินค้าประเภทไหน ซึ่งถ้าหากเรามีแผนที่จะมีธุรกิจส่วนตัวในอนาคต การได้เป็น Freelancer เข้าไปทำงานกับธุรกิจหลาย ๆ รูปแบบ ก็ทำให้ได้ความรู้หรือข้อมูลเชิงลึกมาต่อยอดไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ละคนมีสไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน รวมถึงความต้องการก็แตกต่างกัน ลองถามตัวเองดี ๆ ว่าเราเหมาะกับการทำงานรูปแบบไหน ไม่มีรูปแบบไหนที่ดีไปกว่ากัน เพียงแต่ว่าการทำงานแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียของมัน ลองดูว่าเราเหมาะสมกับอะไรมากที่สุด และเลือกรูปแบบการทำางานที่ตัวเองอยากทำกันนะ

อ้างอิง : https://www.upwork.com/resources/advantages-of-being-a-freelancer

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

Laura Vanderkam
ไม่มีคำว่า “ไม่มีเวลา” อีกต่อไปถ้าคุณมี Mindset แบบนี้ โดย Laura Vanderkam นักเขียนชื่อดังด้านการจัดการเวลา
สรุปวิธีคิดที่จะทำให้คุณ “มีเวลา” สำหรับสิ่งสำคัญในชีวิต โดยลอรา แวนเดอร์แคม (Laura Vanderkam) นักเขียนชื่อดังด้านการจัดการเวลา ผู้บรรยาย TED Talk ที่มียอดวิวหลายล้าน...
Vacation Blues
10 เคล็ดลับ "Bounce Back" สลัดอาการ "Vacation Blues" ให้หายเป็นปลิดทิ้ง!
อาการ “Vacation Blues” หรือความเศร้าหลังไปเที่ยวหยุดยาว เป็นอาการปกติที่เล่นงานคนทำงานอย่างหนักอึ้ง ซึ่งเกิดขึ้นกับคนทำงานหลายคนโดยเฉพาะช่วงหยุดยาว อย่างไรก็ตามการจมกับความเศร้าหลังเที่ยวไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก...
Harvard Business Review
ผลสำรวจพบเทรนด์ใหม่คนทำงาน เลือกใช้ AI ดูแลจิตใจแซงการทำงาน โดย Harvard Business Review
งานวิจัยจาก Harvard Business Review เพิ่งออกมา มีผลสำรวจพบว่าคนทำงานเปลี่ยนการใช้ AI จากเครื่องมือทำงาน มาเป็น “เพื่อนคู่ใจ” แทน สิ่งที่เปลี่ยนไปในปี...