ข้อดีและข้อควรระวังของ HR Tech: เปลี่ยนงานทรัพยากรบุคคลสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

HR Tech

การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในงานทรัพยากรบุคคล

คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า งานทรัพยากรบุคคลกำลังจะกลายเป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ (HR Tech) ไม่เพียงแต่ในแง่ของการใช้งานเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในด้านต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Big Data เพื่อทำความเข้าใจพนักงาน เพิ่มทักษะดิจิทัลให้กับพนักงาน และพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ในขณะที่มุมของพนักงานจากผลสำรวจของ PwC เชื่อว่าการวิเคราะห์ข้อมูลจะมีบทบาทสำคัญต่อการเลือกเส้นทางการเติบโตก้าวหน้าของพนักงาน

.

สถานการณ์ปัจจุบันของ HR Technology

ปัจจุบัน 80% ขององค์กรกำลังใช้ HR Technology อยู่อย่างน้อยหนึ่งอย่าง และ 60% ขององค์กรวางแผนเพิ่มการลงทุนใน HR Technology ในปี 2024 แล้ว HR Technology ส่งผลกระทบต่อพนักงานอย่างไรบ้าง และจะวัดความคุ้มค่าอย่างไร วันนี้เรามาดูแนวทางไปพร้อมกัน อย่างไรก็ดี หลายองค์กรยังคงมีความกังวลในเรื่องการใช้ HR Tech โดยเฉพาะเรื่องการลงทุน

การคำนวณความคุ้มค่าของ HR Tech นั้นสามารถทำได้โดยการวิเคราะห์ประโยชน์ที่ได้เปรียบเทียบกับต้นทุนที่ต้องใช้ในการลงทุนเทคโนโลยีทาง HR นั้น ๆ ดังนี้

1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการลงทุน HR Tech ให้ชัดเจน

ก่อนที่จะคำนวณความคุ้มค่าของ HR Tech ควรกำหนดวัตถุประสงค์ในการลงทุนอย่างชัดเจน เช่น

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการทรัพยากรบุคคล: เช่น ลดเวลาในการทำงาน ประหยัดต้นทุนในการจัดการพนักงาน เพิ่มการเข้าถึงและเรียกดูข้อมูลพนักงาน HR Technology เปิดโอกาสให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับงาน ผลการปฏิบัติงาน และการพัฒนาได้มากขึ้น เช่น ระบบการจัดการผลการปฏิบัติงาน สามารถช่วยให้พนักงานติดตามความคืบหน้าและระบุสิ่งที่ต้องพัฒนาได้ แพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบออนไลน์ สามารถช่วยให้พนักงานเข้าถึงหลักสูตรการฝึกอบรม และเครื่องมือต่าง ๆ ขององค์กรที่จัดไว้ให้พัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา
  • เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน เช่น การให้บริการที่เร็วขึ้น การสร้างโอกาสในการพัฒนาความก้าวหน้าในงาน การเสริมสร้างทัศนคติที่ดีกับองค์กร HR Technology สามารถช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น โดยการให้เครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบออนไลน์ สามารถช่วยให้พนักงานพัฒนาทักษะ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วม และได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างานและองค์กรมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงาน
  • การสื่อสารที่ดีขึ้น: HR Tech สามารถช่วยปรับปรุงการสื่อสารระหว่างพนักงาน และฝ่ายบุคคล งเช่น Employee Portal สามารถให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย ผลประโยชน์ และข้อมูลติดต่อฝ่ายบุคคล และสามารถสื่อสารแบบเรียลไทม์เมื่อมีคำถาม และได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง

.

2. ประเมินผลประโยชน์ของ HR Tech

หลังจากกำหนดวัตถุประสงค์แล้ว ต้องทำการวัดผลประโยชน์ที่ได้รับจาก HR Technology เพื่อใช้ในการคำนวณความคุ้มค่า ตัวอย่างของผลประโยชน์ที่สามารถวัดได้มีหลายประการ เช่น

  • ลดต้นทุน การประหยัดค่าใช้จ่ายในกระบวนการ HR เช่น ลดเวลาในการทำงาน ลดการใช้กระดาษ หรือการบริการพนักงาน
  • เพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงกระบวนการที่ซับซ้อนในงาน HR ที่ทำให้มีผลผลิตที่ดีขึ้น เช่น การจัดการเวลาการทำงาน การวางแผนการพัฒนาบุคลากร HR Technology ที่ดีจะสามารถช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการทำให้กระบวนการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ และให้ข้อมูลเชิงลึกแก่พนักงาน เช่น ระบบติดตามผู้สมัคร (ATS) สามารถช่วยให้ฝ่ายบุคคลคัดกรองผู้สมัครงานได้เร็วขึ้น และระบบการจัดการผลการปฏิบัติงาน (PMS) สามารถช่วยให้พนักงานติดตามความคืบหน้า และระบุสิ่งที่ต้องพัฒนาได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบมากขึ้น
  • เพิ่มรายได้ ทำให้การจัดการพนักงานสะดวกและเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ขององค์กรและธุรกิจที่จะทำให้เพิ่มรายได้ให้กับองค์กร

.

3. คำนวณต้นทุนของ HR Tech

ต้นทุนในการลงทุน HR Technology เบื้องต้น ได้แก่

  • ค่าซื้อและติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าซอฟต์แวร์ ค่าบริการระบบ ค่ากำลังคนในการติดตั้ง
  • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าอัปเดตระบบและข้อมูล ค่าซื้อข้อมูล ค่าจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล
  • ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การฝึกอบรมทักษะพนักงานในการใช้งาน HR Technology

.

4. คำนวณ ROI (Return on Investment)

ROI หรือ Return on Investment เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุน HR Technology โดยสามารถคำนวณได้ด้วยสูตรเบื้องต้น ดังนี้

ROI=(ผลประโยชน์ทั้งหมด−ต้นทุนทั้งหมดต้นทุนทั้งหมด)×100%

อย่างไรก็ดี หลายองค์กรยังคงมีความกังวลในด้านการใช้ HR Technology อาทิ

  • ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว พนักงานอาจกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เมื่อใช้ HR Technology สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายความเป็นส่วนตัว และให้ความมั่นใจแก่พนักงาน
  • ขาดการติดต่อสื่อสารกับคน HR Technology บางประเภท เช่น แชทบอท อาจทำให้พนักงานรู้สึกเหมือนไม่ได้ติดต่อกับมนุษย์ สิ่งสำคัญคือต้องใช้เทคโนโลยี HR Technology ควบคู่ไปกับการมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกับพนักงาน
  • การถูกหุ่นยนต์แย่งงาน ในบางกรณี HR Technology อาจนำไปสู่การสูญเสียงาน เนื่องจากงานบางอย่างอาจถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือต้องฝึกอบรมพนักงานใหม่ และช่วยให้อัปสกิล หรือแม้แต่จับคู่กับงานอื่น ๆ ที่เหมาะสมแทน

โดยรวมแล้ว HR Technology มีข้อดีต่อพนักงาน ทำให้ทุกฝ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น และเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและความกังวลที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง และดำเนินการเพื่อลดผลกระทบเหล่านี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่ายเพื่อมุ่งสู่โลกการทำงานแห่งอนาคตไปพร้อมกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : Khon At Work

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

Jeff Bezos
เลิกเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ด้วยประตูสองบานของ Jeff Bezos เทคนิคการตัดสินใจที่ผู้บริหารใน Amazon ถูกสอนให้ใช้
1. เวลาตัดสินใจอะไรไม่ได้ อาจไม่ใช่เพราะว่าเราตัดสินใจได้ไม่ดี แต่เราหารู้ไม่ว่าเราไม่เคยแยกมากกว่าว่าการตัดสินใจไหนที่อนุญาตให้เรา ‘ตัดสินใจผิดพลาด’ ได้...
2025 ai
รวม 10 AI น่าใช้ประจำปี 2025 มีเอาไว้พนักงานออฟฟิศทำงานคล่องขึ้นแน่นอน
Work smarter, not harder ด้วย AI Tools เหล่านี้ จดเอาไว้! ฝึกใช้ ทำงานง่ายขึ้นแน่นอน 1. ChatGPT AI ChatBot ที่สามารถโต้ตอบและตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ...
mindset
10 Mindset สร้างความแตกต่าง สู่ความสำเร็จในที่ทำงานก่อนใคร
ในโลกที่แข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ ความรู้และความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวอาจไม่พาเราไปได้ไกลเท่าที่หวัง สิ่งที่แยกคนประสบความสำเร็จออกจากคนทั่วไปอย่างแท้จริงคือ...