ความเป็น Perfectionist อาจทำลายชีวิตของคุณ พร้อมวิธีแก้ไขและรับมือ

Perfectionist

คุณเคยรู้สึกไหมว่ารู้ว่าควรทำอะไร แต่ก็ไม่ลงมือทำสักที ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งรู้สึกแย่? พฤติกรรมนี้อาจเป็นผลมาจากความเป็น Perfectionist ในตัวคุณเอง ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่จัดการ อาจนำไปสู่ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและชีวิตการทำงานในระยะยาว

จาก Podcast ที่น่าสนใจระหว่าง Ali Abdaal ผู้เขียนหนังสือ Feel Good Productivity และ Thomas Curran ในหัวข้อ Perfectionism Is Ruining Your Life (What to Do About It) เราได้สรุปเนื้อหาสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจและรับมือกับความเป็น “ผู้ชอบความสมบูรณ์แบบ” ได้ดังนี้

Perfectionist คืออะไร ?

เพอร์เฟ็คชันนิสต์ คือบุคคลที่มีนิสัยหรือแนวคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนทำจะต้องสมบูรณ์แบบและปราศจากข้อผิดพลาด พวกเขามักมีมาตรฐานที่สูงมากในงานที่ทำและมักจะไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตามความคาดหวังหรือไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดที่ตัวเองตั้งไว้

ลักษณะของเพอร์เฟ็คชันนิสต์มักรวมถึง:

  • การตั้งความคาดหวังที่สูงเกินไปจากตัวเองหรือคนรอบข้าง
  • ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำผิดพลาดหรือการถูกวิจารณ์
  • การมีความรู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกผิดเมื่อไม่ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ
  • การหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ หากไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดี

ความเป็น Perfectionist มากไปก็ไม่ดี

แม้ว่าคนที่เป็น “ผู้ชอบความสมบูรณ์แบบ” จะมักถูกมองว่าเป็นคนที่ตั้งใจและทุ่มเทกับงาน แต่ความตั้งใจนี้อาจส่งผลเสียได้ เช่น:

  • ความกดดันทางจิตใจ : Perfectionists มักตั้งมาตรฐานสูงกับตัวเองและคาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบเสมอ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดและความเหนื่อยล้า
  • ผลกระทบต่อประสิทธิภาพในระยะยาว: งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่านักกีฬาที่มี Mindset แบบ “Perfect ต่ำ” สามารถรักษาผลงานที่ดีได้ในระยะยาว เพราะพวกเขาไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ต่างจากคนที่มุ่งมั่นจะเป็น Perfect ทุกครั้ง

วงจรลูปนรกของเพอร์เฟ็คชันนิสต์

ความเป็นเพอร์เฟ็คชันนิสต์มักดึงคนเข้าสู่วงจรความล้มเหลวที่เกิดขึ้นซ้ำๆ:

  1. ตั้งเป้าหมายที่ยากเกินไป: คนที่มีนิสัยชอบทำให้สมบูรณ์แบบมักตั้งเป้าหมายที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น งานที่ต้องสมบูรณ์แบบทุกจุด
  2. ทำไม่ได้และเฟล: เมื่อเป้าหมายยากเกินไป พวกเขาอาจล้มเหลวในการทำตามเป้า
  3. รู้สึกผิดหวังและกดดันตัวเอง: ความล้มเหลวทำให้พวกเขารู้สึกด้อยค่า และยิ่งพยายามตั้งเป้าหมายที่ยากขึ้นในครั้งต่อไป
  4. ผัดวันประกันพรุ่ง: ความกลัวที่จะล้มเหลวอีกทำให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นงาน และวนกลับเข้าสู่วงจรเดิม

สาเหตุที่คนเป็น Perfectionist มากขึ้นในปัจจุบัน

  • ความไม่มั่นใจในตัวเอง: หลายคนที่เป็นเพอร์เฟ็คชันนิสต์มีอาการ Imposter Syndrome ซึ่งคือความรู้สึกว่า “ฉันไม่เก่งจริง” จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ
  • อิทธิพลของ Social Media: โลกโซเชียลที่เต็มไปด้วยภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของผู้อื่น ทำให้เกิดการเปรียบเทียบและกดดันตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

วิธีเอาชนะนิสัยเพอร์เฟ็คชันนิสต์ในตัวคุณ

  1. ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง: โฟกัสไปที่การทำให้ “ดีพอ” แทนที่จะพยายามให้ “สมบูรณ์แบบ” เพราะการทำงานให้เสร็จสำคัญกว่าการทำให้งานไร้ที่ติ
  2. โอบรับความล้มเหลว: มองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต มากกว่าจะเป็นข้อพิสูจน์ถึงความล้มเหลวในตัวคุณ
  3. ยอมรับข้อผิดพลาด: เข้าใจว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ และคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องเสมอไป

แนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดความเป็นเพอร์เฟ็คชันนิสต์

  1. จดบันทึกความรู้สึก (Journaling):
    • เขียนบันทึกเกี่ยวกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกว่างานไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยระบายและทำความเข้าใจตัวเอง
  2. เปลี่ยน Mindset:
    • แทนที่จะบอกตัวเองว่า “ฉันควรทำสิ่งนี้ได้” ให้เปลี่ยนเป็น “ฉันอยากทำสิ่งนี้” เพื่อเพิ่มความรู้สึกเชิงบวกและลดแรงกดดัน
  3. ออกจาก Comfort Zone:
    • ลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้จะผิดพลาดก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ เช่น การเข้าคลาสเรียนใหม่ หรือการลองงานอดิเรกที่ไม่ถนัด

ตัวอย่างจากชีวิตจริง

“คุณบี” เป็นพนักงานที่มักตั้งเป้าหมายสูงกับตัวเอง และรู้สึกผิดหวังทุกครั้งเมื่อทำไม่ได้ตามเป้าหมาย จนกระทั่งเธอเริ่มปรับวิธีคิด:

  • เธอหันมาจัดลำดับความสำคัญของงาน และตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง
  • เธอเริ่มจดบันทึกความรู้สึกหลังจากงานสำคัญ เพื่อประเมินว่าอะไรคือสิ่งที่ดีพอ
  • เธอลองกิจกรรมใหม่ๆ เช่น วาดภาพระบายสี เพื่อสร้างความผ่อนคลาย

ผลลัพธ์คือเธอรู้สึกกดดันตัวเองน้อยลง และเริ่มมีความสุขกับงานและชีวิตมากขึ้น

สรุป

Perfectionism อาจฟังดูเป็นนิสัยที่ดี แต่หากมากเกินไป มันสามารถทำลายสุขภาพจิตและประสิทธิภาพของคุณได้ การเรียนรู้ที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ และโฟกัสไปที่การทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขมากขึ้น

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ลองนำแนวทางข้างต้นไปปรับใช้ และอย่าลืมว่าคุณค่าของคุณไม่ได้วัดจากความสมบูรณ์แบบ แต่คือการเติบโตและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในทุกก้าวของชีวิต


อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=elAFB0HSBgo&t=219s

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

TKI Framework
รู้ก่อน จัดการได้! สำรวจ 5 วิธีตอบสนองต่อความขัดแย้งในทีมด้วย TKI Framework
เพราะคนแต่ละคนมี “สไตล์” ในการจัดการความขัดแย้งต่างกัน การเข้าใจสไตล์เหล่านี้ช่วยให้เรา คุยกันรู้เรื่อง ไม่ขัดกันลึก และ สร้างทีมเวิร์คที่แข็งแรงขึ้น TKI...
The First 20 Hours
"เคล็ดลับเก่งเร็วใน 20 ชั่วโมงแรกของการเรียน" สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours
สรุปแนวคิดจาก Josh Kaufman ผู้เขียน The First 20 Hours เกี่ยวกับวิธีเรียนรู้ทักษะใหม่ให้ได้ผลในเวลาเพียง 20 ชั่วโมงแรก โดยเน้นกลยุทธ์ที่เป็นระบบและปฏิบัติได้จริง...
Way of Working 2025
Way of Working 2025: องค์กรต้องเปลี่ยนอย่างไรให้คนอยากอยู่
ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของคนทำงานก็เปลี่ยนตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปี 2025 ที่แรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยี...