Optimum Envy : ชีวิตรุ่ง เพราะ “อิจฉา” อย่างพอดี

อิจฉา
อย่าขี้อิจฉา อย่าขี้อิจฉา อย่าขี้อิจฉา…สังคมสอนเราแบบนี้มาช้านาน แต่ลองถามตัวเองดู เราไม่เคยอิจฉาคนอื่นเลยจริงๆ เหรอ? อันที่จริง เราควบคุมความอิจฉาไม่ได้ด้วยซ้ำ จู่ๆ ความรู้สึกนี้มันก็พวยพุ่งขึ้นมาเอง

จะดีกว่าไหม ถ้าเรายอมรับความ อิจฉา …และใช้มันให้เป็นประโยชน์จนชีวิตรุ่ง?

  • เพราะอิจฉาเพื่อนที่ก้าวหน้าในการงาน คุณจึงเริ่มพัฒนาตัวเอง ขยันทำงาน เรียนคอร์สออนไลน์เสริม เสาร์อาทิตย์คิดไอเดียธุรกิจ
  • เพราะอิจฉาเพื่อนที่โน้มน้าวเก่งพูดอะไรคนก็ฟัง คุณจึงเริ่มฝึกทักษะการพูด เข้าคอร์สเรียนปิดการขาย รับงานพูดบนเวทีสาธารณะ
  • เพราะอิจฉาเพื่อนที่ได้แฟนสวย คุณจึงเริ่มดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย แต่งตัวดี ปรับบุคลิกภาพ

แต่ก่อนที่เราจะลงลึกรายละเอียด เราไปรู้จักความอิจฉาให้มากขึ้นอีกนิดกันก่อน

วิทยาศาสตร์ของความ อิจฉา

ก่อนอื่นเลยเราต้องแยกความแตกต่างระหว่าง “Envy x Jealous” ซึ่งเป็นคำที่ภาษาไทยเราเรียกรวมๆ ว่า “อิจฉา”

  1. Envy เกี่ยวข้องกับ “สิ่งของ” มักมีแค่ 2 คน เช่น ความรวย / สถานะทางสังคม / สุขภาพ…
  2. Jealous เกี่ยวข้องกับ “พฤติกรรมของบุคคลที่ 3” มักประกอบด้วย 3 คนอย่างต่ำ เช่น John อิจฉา Jack เพราะ Emily โทรหา Jack แทนที่จะเป็นเขา

เราสังเกตได้ว่า Jealous เป็นความอิจฉาที่นำไปสู่ความริษยาด้านลบได้ ขณะที่ Envy เป็นความอิจฉาที่มีโอกาสกระตุ้นให้เราอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อได้แบบเค้ามา ซึ่งนำไปสู่พัฒนาการในเรื่องต่างๆ

เรื่องน่าสนใจของความอิจฉาคือ เรามักอิจฉาแค่คนที่อยู่ในวงสังคม / รายได้ / อายุ / ที่อยู่อาศัย / เพศ / การศึกษา…ที่ “ใกล้เคียง” กับเราที่สุด 

  • ถ้าคุณเป็น Startup เล็กๆ แห่งหนึ่ง คุณจะไม่อิจฉา Facebook…แต่คุณอาจอิจฉา Startup เกิดใหม่เจ้าอื่นที่พึ่ง pitch ชนะจนได้เงินทุนมหาศาลมา
  • ถ้าคุณเป็น Content Creator คุณจะไม่อิจฉา Engineer คนอื่น…แต่อิจฉา Content Creator บริษัทคู่แข่งที่เก่งกว่า-รายได้สูงกว่า
  • ถ้าคุณเป็น CEO คุณอิจฉา CEO คนอื่น ที่ใหญ่กว่า ดังกว่า รายได้มากกว่า

ที่มาของความ”อิจฉา”

เรารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ได้พยายามเลย เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติในมนุษย์ เช่น ความต้องการทางเพศ ความกลัว และความ “อิจฉา” ก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยมีผลมาจากรากเหง้าทางด้านวิวัฒนาการ

สมัยก่อนมนุษย์อยู่เป็นเผ่าๆ ถ้าวันนี้เผ่า B ที่อยู่ถ้ำข้างๆ ล่าสัตว์ได้เนื้อก้อนโตเป็นพิเศษ นั่นหมายถึงเผ่า A อย่างคุณจะได้เนื้อสัตว์น้อยลงตาม มันคือ Zero-Sum Game เกมชีวิตที่มีผู้แพ้-ผู้ชนะชัดเจน

แต่เมื่อเผ่า A เกิดอิจฉาเผ่า B อย่างแรงกล้า…มีแนวโน้มสูงว่าต่อไป สมาชิกเผ่า A ด้วยกันเองจะพยายามให้มากขึ้น รอบคอบมากขึ้น ร่วมมือกันมากขึ้นในการล่าสัตว์เพื่อไม่ให้น้อยหน้าเผ่า B

ลักษณะนิสัยความรู้สึกอิจฉาจึง “ถูกคัดเลือก” มา เพื่อให้มนุษย์มีโอกาสล่าสัตว์ได้มากขึ้น กินอิ่มขึ้น รอดชีวิตมากขึ้น เพื่อไปสืบพันธุ์และมีลูกหลานได้มากขึ้น

แต่สภาพโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง 

  • การที่เพื่อนบ้านคุณซื้อของกินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างอิ่มหนำสำราญ ไม่ได้หมายความว่าเค้าแย่งอะไรไปจากคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีกินน้อยลง
  • การที่เพื่อนคุณในบริษัทอื่นได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งงานของคุณจะถูกแย่งไป

ตามหลักการแล้ว ความอิจฉาริษยาอันแรงกล้าจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปในโลกปัจจุบัน เพียงแต่ลักษณะนิสัยนี้ยัง “ติดตัว” อยู่ในสัญชาตญาณมนุษย์เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เราสามารถควบคุมความอิจฉาให้อยู่ในระดับ “พอดี” และเปลี่ยนมันให้เป็นพลังบวกแก่เราได้!

“อิจฉา” ให้เป็น…ชีวิตรุ่ง!

1. ทำไมไม่มองคนที่คุณอิจฉาเป็น “หนูทดลอง” ดูล่ะ? 

สมมติว่าคุณรู้จักเพื่อนสมัยมัธยมเป็นการส่วนตัวและรู้ว่าเค้าพึ่งขึ้นรับตำแหน่งใหญ่โตอย่าง Vice President บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ความอิจฉาของคุณทำงาน คุณเริ่มเช็คแล้วว่าออฟฟิศเค้าเป็นอย่างไร ขับรถหรูแค่ไหน มีลูกน้องคอยเทคแคร์อย่างไร

แต่ลองมองให้ลึกกว่านั้น ว่าความดีงามภายนอกที่เห็นมี “ราคา” ที่ต้องจ่ายอะไรบ้าง?

  • เพื่อนคุณอาจต้องตื่นตี 4 เพื่อมาเตรียมตัวทำงานทุกวัน
  • มีเวลาเล่นกับลูกและครอบครัวแค่วันละ 1 ชม.
  • ความเครียดและกดดันมหาศาลจากความรับผิดชอบที่สูงลิบ

ไม่แน่นะ จากตอนแรกอิจฉา คุณอาจเลิกอิจฉาในที่สุดก็เป็นได้ หรือไม่ก็มองเป็นบทเรียนว่าจะไม่เดินรอยตามในบางเส้นทาง

ในทางกลับกัน คุณวิเคราะห์ไปในตัวว่าเพื่อนคุณมาถึงจุดนี้…ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?

  • มีทักษะอะไรที่โดดเด่นจนบริหารธุรกิจได้ดี?
  • มีความเป็นผู้นำอย่างไรจนชนะใจผู้อื่น?
  • พบปะสมาคมกับใคร ที่ไหน เมื่อไร ถึงมี Connection กว้างขวางขนาดนี้?

2. ดังที่กล่าวไปแล้วว่า คนเรามักอิจฉาในวงล้อมใกล้เคียงกับเราที่สุดเท่านั้น นั่นหมายความว่า เราอาจใช้ความอิจฉาที่เกิดขึ้นเป็น “สัญญาณ” เพื่อเช็คว่าตัวเรากำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่ชอบจริงๆ อยู่หรือไม่?

เช่น คุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่ทำงานหนักเพื่อไต่เต้า Career Path ของตัวเอง แต่เริ่มอิจฉาเพื่อนอีกคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก…แม้ไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล แต่เป็นนายตัวเอง ได้ทำตาม Passion มีเวลาว่างเหลือเฟือ อยากหยุดพักเมื่อไรก็ทำได้ ความอิจฉาที่ก่อตัวขึ้นอาจเป็นสัญญาณแรกที่เตือนว่าคุณอาจกำลังเดินผิดทาง

3. จำคำนี้ไว้ให้ดี อิจฉาได้…แต่ต้องไม่ “ริษยา” เพราะความริษยาคือพลังแง่ลบที่เราอยากให้คนที่เราอิจฉาเจอเรื่องแย่ๆ ร้ายๆ อย่างไม่เป็นธรรม

ความริษยาลดทอนจริยธรรมในตัวเรา คุณอาจแอบ “สะใจลึกๆ” เมื่อธุรกิจของเพื่อนต้องปิดหลายสาขาเมื่อเกิด Covid-19

4. ความอิจฉาที่เกิดในวงสังคมของตัวเองอาจเป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะหมายถึงเราอยู่ท่ามกลางคนเก่งๆ ผู้บริหารหลายคนลงความเห็นว่า “ตัวคุณในวันนี้คือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่คุณคบหาใช้เวลาด้วยมากที่สุด”

5. มนุษย์นั้นมี “แรงขับเคลื่อน” จากความอิจฉารุนแรงไม่แพ้แรงขับเคลื่อนทางเพศ ความโลภ ความโกรธ

เราอาจรักษาความอิจฉาไว้ในระดับที่สูงก็ได้ แต่ขอแค่เป็นความอิจฉาเฉพาะกับ “คนที่เราอยากจะเป็น” 

คุณอาจอิจฉา CEO ท่านอื่นที่ปั้นบริษัทจนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว นี่เป็นความอิจฉาด้านบวกที่เป็นเชื้อเพลิงให้เราอยากประสบความสำเร็จตามนั่นเอง

.

.

สุดท้ายแล้ว ชีวิตคือการวิ่งมาราธอน และเราล้วนมีจังหวะวิ่งของตัวเอง

เพื่อนคุณสำเร็จในแบบตัวเองตอนอายุ 30 

คุณอาจสำเร็จในแบบตัวเองตอนอายุ 40

และไม่ว่าจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน…เราดีที่สุดในจุดที่เป็นได้

.

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ มีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วัน…จนคนอื่นอิจฉา!! >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/


อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

AI is Making You Dumber
ใช้ AI ยังไง ไม่ให้โง่ลงกว่าเดิม ถามตัวเองว่าคุณกำลังให้ AI ‘ช่วยคิด’ หรือให้ AI ‘คิดแทน’ อยู่กันแน่
แอดมินได้มีโอกาสดูคลิปของช่อง Cold Fusion ที่พูดถึงเรื่องเทคโนโลยีไว้อย่างน่าสนใจ ในชื่อ ‘AI is Making You Dumber. Here’s Why’ คลิปนี้พูดถึงเทรนด์เกี่ยวกับการใช้...
5 คอร์สเรียนฝึกความคิด
5 คอร์สเรียนฝึกความคิด วิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยและบริษัทระดับโลกเรียนจบพร้อมรับใบเซอร์
แนะนำคอร์สระดับเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ให้มี Critical Thinking 1. Introduction to Logic and Critical Thinking – มหาวิทยาลัย...
Burnout and stress
ทำความรู้จักกับสภาวะหมดไฟ (Burnout) และสภาวะเครียด (Stress) ต่างกันอย่างไร รับมือได้อย่างไรบ้าง
ปกติแล้วสภาวะหมดไฟ หรือ burnout จะเกิดจากการที่เราเครียดมาก เครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะต่างจากความเครียด (Stress) ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ชั่วครั้งคราวตามสถานการณ์ที่พบเจอ...