วิธีง่าย ๆ สู่การเป็น “หัวหน้าที่ดี” ที่ใคร ๆ ก็รัก

หัวหน้าที่ดี
ไม่กลัวลูกน้องเก่งเกินหน้าเกินตา, ฟัง มากกว่า พูด, ชมเชยเมื่อทำดี และ ตำหนิแบบมีชั้นเชิง, ให้เครดิตกับทีม ไม่ใช่กับตัวเองนี่คือคุณสมบัติของ “หัวหน้าอันเป็นที่รักของลูกน้อง” ในฐานะหัวหน้างาน…เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นและลูกน้องรักมากขึ้น?

เบื้องหลังความชื่นชอบเคารพนับถือ 

ต้องยอมรับความจริงว่า ลึกๆ ภายในแล้ว คนเรา “ไม่สามารถบอกใครให้มารักเราได้”  ความรัก-ความชื่นชอบ-ความเคารพนับถือล้วนเกิดจากการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเราที่ไปสร้างความ “พึงพอใจ” แก่อีกฝ่าย คุณลักษณะหนึ่งที่ทำให้คนชื่นชอบคือ การ “มองเห็นคุณค่า” ในตัวพวกเค้า หมั่นถามสารทุกข์สุขดิบ ยื่นโอกาสใหม่ๆ ให้ เอาใจเค้ามาใส่เรา

“มันยากที่จะไม่ชอบ…คนที่ชื่นชอบคุณ” คำนี้ใช้ได้จริงเสมอ แต่ขณะเดียวกัน ความเคารพนับถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป แต่ต้องคอยหมั่น “เติม” เชื้อเพลิงอยู่เสมอ และมันมีความ “เปราะบาง” เราอาจใช้เวลา 10 ปีในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่คนหนึ่ง แต่อาจใช้เวลาแค่ 10 วัน (หรือแม้แต่ 10 นาที) ในการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นให้หายไปได้เช่นกัน นี้คือวิธีง่ายๆ สู่การเป็นหัวหน้าอันเป็นที่รัก

หัวหน้าที่ดี เป็นนักฟังที่ดี

หัวหน้าที่ลูกน้องชื่นชอบมักมีคาแรคเตอร์เป็น “ผู้ฟัง” ที่ดีมากกว่าผู้พูด พยายามเข้าอกเข้าใจคนอื่น ลูกน้องมีแต่อยากเข้าหา เพราะรู้ว่าปัญหาของเค้าจะถูกรับฟัง อย่างน้อยที่สุด หัวหน้าแบบนี้เป็น “ที่พึ่งทางใจ” ให้คนอื่นได้มาก การฟังยังเป็นการฝึกทักษะ Empathy อย่างหนึ่ง เพราะมันเป็นการพยายามทำความเข้าใจปัญหาของอีกฝ่าย และช่วยลดอีโก้ไปในตัว ปล่อยวางไม่เอาความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลนั่นเอง

มองเห็นคนอื่น

โดยเฉพาะเวลาประชุมที่สมาชิกทีมต้องมารวมกัน ให้ถามความคิดเห็นลูกน้องก่อน โดยเฉพาะเริ่มจาก “พนักงานที่อายุงานน้อยที่สุด” ก่อน และระหว่างนั้นให้หัวหน้าจดที่เค้าพูด เป็นการทำตรงกันข้าม ปกติหัวหน้ามักนำเสนอทางแก้ปัญหาและสรุปปิดทุกอย่าง เพราะเมื่อหัวหน้าพูดอะไรขึ้นมาก่อนแล้ว ลูกน้องอาจไม่กล้าเสนอเพราะอาจไปโต้แย้งไอเดียของหัวหน้าได้นั่นเอง เทคนิคหนึ่งคือการถามบ่อยๆ ว่า “มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า?” อย่างน้อยคนได้ยินก็รู้สึกว่ามีตัวตนถูกมองเห็นจากหัวหน้า

ไม่กลัวลูกน้องเก่งกว่า

สำหรับหัวหน้าที่ทุกคนรัก เมื่อเห็นแวว Talent รุ่นเยาว์บางคนที่มีศักยภาพไปได้ไกล จะส่งเสริมให้โอกาสและปั้นจนถึงที่สุด แม้สุดท้ายลูกน้องคนนั้น จะเก่งนำหน้าตัวเองหรือขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ที่สูงกว่าในอนาคตก็ตาม เมื่อเรามาดูโลกปัจจุบัน จะเห็นว่าเด็กยุคใหม่มีแนวคิดบางอย่างที่ก้าวหน้าจนผู้ใหญ่ยังทึ่ง ส่วนหนึ่งเพราะมาจากเทคโนโลยีที่เปิดกว้างจนหาข้อมูลความรู้ใส่ตัวได้จากทุกที่และทุกเรื่อง…ลูกศิษย์ย่อมเก่งกว่าอาจารย์ ก็ใช้ได้ดีเช่นกับลูกน้อง-หัวหน้า

หัวหน้าที่ดี ต้องมีทัศนคติบวก

ใครๆ ก็อยากใช้ชีวิตคู่กับคนคิดบวกฉันใด ใครๆ ก็อยากทำงานกับหัวหน้าคิดบวก-มีทัศนคติด้านบวกฉันนั้น!! เพราะลูกน้องสัมผัสได้ถึงความเปิดกว้าง ความเป็นไปได้ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่สยบต่อปัญหาแต่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน มองวิกฤติให้เป็นโอกาส หรือหาโอกาสทางรอดจากวิกฤตินั้น

ทัศนคติบวกยังสะท้อนมาถึง Mood & Tone ในการทำงาน คนคิดบวกมักมีออร่าพลังในการทำงาน ซึ่งคนรอบข้างสามารถสัมผัสได้ ส่งผลถึงความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบใหม่ๆ ขณะที่หัวหน้าคิดลบอารมณ์บูด บรรยากาศการทำงานมีแต่จะหม่นหมอง ทัศนคติด้านบวกไม่ใช่แค่กับปัญหาเนื้องาน แต่ยังรวมถึงสมาชิกในทีมด้วย หรือมี Growth Mindset นั่นเอง เชื่อว่าลูกน้องสามารถเติบโตขยายศักยภาพได้มากกว่าที่เป็นอยู่หากได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติม ลูกน้องก็อยากทำงานกับหัวหน้าที่เชื่อในตัวเค้า รู้ว่าตัวเองพัฒนาไปมากกว่าเดิมได้

เคารพทุกคนอย่างเท่าเทียม

ผู้นำที่ดีจะไม่นำเอาอายุความอาวุโสหรือตำแหน่งที่สูงกว่าของตนเองมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้คนอื่นเคารพนับถือตน แต่พวกเค้าจะทำเป็น “แบบอย่าง” (Lead by example) ที่ดีเองซะก่อน ให้คนอื่นเคารพผ่านการกระทำ…ไม่ใช่ผ่านวาจา(หรือบังคับ) Adam Grant ผู้เขียนหนังสือ Give and Take บอกว่า ผู้นำส่วนใหญ่ที่ทุกวันนี้ดูเหมือนทำอะไรก็มีแต่คนสนับสนุนไปเสียหมด เพราะก่อนหน้านี้พวกเค้าเคยเป็น “ผู้ให้อย่างแท้จริง” มาก่อน

หัวหน้าที่ดี ต้องบริหารงานในทีมเป็น

หัวหน้าที่ดีไม่จำเป็นต้องเก่งหรือฉลาดหลักแหลมที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่บริหารจัดการงานในทีมเป็น ต้องจัดเรียงลำดับความสำคัญของงานได้ เพื่อทำให้ทีมบรรลุเป้าหมาย (จะว่าไปชื่อตำแหน่งก็บอกในตัวอยู่แล้วว่า “ผู้บริหาร”)

หัวหน้าที่ดีจะไม่ “โยนงาน” มั่วๆ ให้คนในทีม แต่จะรู้ว่าอันไหนคือ

  • งานด่วน แต่ ไม่สำคัญ / งานด่วน และ สำคัญ
  • งานไม่ด่วน แต่ สำคัญ / งานไม่ด่วน และ ไม่สำคัญ

นอกจากนี้ ต้องรู้ว่าลูกทีมเก่งถนัดอะไร ก่อนจะมอบงานที่ตรงกับสกิล (Put the man on the right job) และสามารถ “ดึงศักยภาพ” คนในทีมออกมาได้มากที่สุด

หัวหน้าที่ดี ชมคนให้เป็น

เมื่อลูกน้องทำดีหรือแม้แต่สร้างผลงานเล็กๆ น้อยๆ หัวหน้าที่ดีจะรู้จัก “พูดชม” อย่างเปิดเผยที่ออกมาจากใจ เพราะรู้ว่าเป็นการให้กำลังใจคนในทีมและเป็นสิ่งที่ควรได้รับ

“เมื่อใครทำดี…ก็ควรได้รับคำชม”

ผลวิจัยทางจิตวิทยามากมายเผยว่า พนักงานที่ได้รับคำชมโดยเฉพาะจากคนที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่า แม้จะเป็นคำชมสั้นๆ อย่าง “ขอบคุณนะครับ / ทำได้ดีมาก / เยี่ยมมากนะเรา” ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง มีไฟในการทำงาน และจงรักภักดีต่อบริษัทมากขึ้น   ลองประยุกต์เอาวัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นไปใช้ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ลุกจากโต๊ะกำลังจะกลับบ้าน พนักงานคนอื่นที่พบเห็นเดินผ่านจะพูดทำนองว่า “ขอบคุณวันนี้ที่อุตส่าห์เหน็ดเหนื่อย”

ตำหนิอย่างมีชั้นเชิง

แต่การทำงานย่อมมีความผิดพลาด และหลีกเลี่ยงการตำหนิไปไม่ได้ แต่หัวหน้าที่ดีจะมีชั้นเชิงการตำหนิ โดยไม่พูดเหมารวมอย่าง “เรานี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” แต่จะ “ติเพื่อก่อ” เช่นคำว่า “ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ” / “ไม่เอาน่า แม้แต่คุณก็ยังทำไม่ได้เหรอ” การตำหนิลักษณะนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมได้มากกว่า

ให้เครดิตลูกทีม

เมื่องานออกมาประสบความสำเร็จ หัวหน้ามักคือคนแรกๆ ที่สปอตไลท์ส่องไฟลงมา และมุมมองจากคนนอกมักยกความดีความชอบทั้งหมดมายังหัวหน้าคนนี้จนเผลอมองข้ามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคนอื่นไป แต่หัวหน้าที่ดีจะรู้จักการให้ “เครดิต” ลูกทีมทุกคน ไม่เอาเรื่องดีๆ เข้าตัวคนเดียว เพราะรู้ว่าหากปราศจากลูกทีมแล้ว งานไม่มีทางสำเร็จแน่นอน

วิธีง่ายๆ เหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้ได้แทบจะทันที เชื่อเลยว่าลูกน้องจะรักคุณมากขึ้นอย่างออกหน้าออกตา!

.

.

ทำ “แบบประเมินอาชีพ” จาก CareerVisa เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่ งานที่ชอบ และมีความสุขกับงานในทุกๆ วัน >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

ยังไม่รู้จะหางานอะไรดี? รีบเข้าไปที่ >>> www.careervisaassessment.com

ทำ Resume แบบมืออาชีพได้ง่ายๆ ที่ >>> https://myrightcareer.net/


อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

Jeff Bezos
เลิกเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ด้วยประตูสองบานของ Jeff Bezos เทคนิคการตัดสินใจที่ผู้บริหารใน Amazon ถูกสอนให้ใช้
1. เวลาตัดสินใจอะไรไม่ได้ อาจไม่ใช่เพราะว่าเราตัดสินใจได้ไม่ดี แต่เราหารู้ไม่ว่าเราไม่เคยแยกมากกว่าว่าการตัดสินใจไหนที่อนุญาตให้เรา ‘ตัดสินใจผิดพลาด’ ได้...
2025 ai
รวม 10 AI น่าใช้ประจำปี 2025 มีเอาไว้พนักงานออฟฟิศทำงานคล่องขึ้นแน่นอน
Work smarter, not harder ด้วย AI Tools เหล่านี้ จดเอาไว้! ฝึกใช้ ทำงานง่ายขึ้นแน่นอน 1. ChatGPT AI ChatBot ที่สามารถโต้ตอบและตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ...
mindset
10 Mindset สร้างความแตกต่าง สู่ความสำเร็จในที่ทำงานก่อนใคร
ในโลกที่แข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ ความรู้และความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวอาจไม่พาเราไปได้ไกลเท่าที่หวัง สิ่งที่แยกคนประสบความสำเร็จออกจากคนทั่วไปอย่างแท้จริงคือ...