4 หนังสือพัฒนาองค์กร จาก 4 ผู้นำระดับโลก

หนังสือพัฒนาองค์กร
เรารู้ดีว่าองค์กรขับเคลื่อนด้วย “คน” แล้วสงสัยไหมว่า องค์กรชั้นนำของโลกที่มีพนักงานมหาศาล…เค้ามีวิธีการบริหารคน-บริหารองค์กรกันอย่างไร?

วันนี้ CareerVisa Digital ขอสรุป “หนังสือพัฒนาองค์กร” ระดับ International Bestseller ทั้ง 4 เล่ม เขียนโดย 4 ผู้นำองค์กรระดับโลก ที่จะมาเปิดเผยถึงความความสำเร็จเบื้องหลังการ “บริหารองค์กร” ของ Google, Netflix, Bridgewater Associates, และ Opsware

1. Work Rules | โดย Laszlo Bock หัวหน้าผู้บริหารทรัพยากรบุคคลจาก Google

  • กระตุ้นให้พนักงานทุกระดับตั้งแต่ล่างสุด ให้หัดคิดแบบ ‘เจ้าของบริษัท’ นอกจากจะรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น รวมถึงความพึงพอใจในการทำงานก็มากขึ้น
  • ค้นหาความหมายคุณค่าในการทำงานที่แท้จริง โดยลองตัดตัวแปรเรื่องตัวเลขกำไร ลูกค้า ตลาด คู่แข่งออกไปเสียก่อน…อาจพบคำตอบ เชื่อว่าวิธีนี้อาจนำไปสู่การค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ แบบก้าวกระโดดได้
  • หาคนเก่งที่สุดแต่แรกแม้จะต้องใช้เวลานานขึ้นก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามว่า การที่องค์กรทุ่มทรัพยากรมหาศาลไปกับการพัฒนาคน นั่นอาจหมายถึง องค์กรไม่ได้เลือกคนที่ ‘ใช่’ ตั้งแต่แรกรึเปล่า?
  • กระตุ้นให้พนักงานออกไป ‘สอน’ คนอื่น เพราะการสอนคือหนึ่งในการเรียนรู้ที่ดีที่สุด (ได้คิดทบทวน เรียบเรียง อธิบาย ตกผลึกทางความคิดในที่สุด)
  • แยกการพัฒนาคนออกจากการประเมินผลงาน เพราะทั้งสองอย่างเป็นคนละเรื่องกัน แต่องค์กรอื่นทั่วไปมักจับมารวมกัน
  • บางครั้งใช้หลัก Social Norm (บรรทัดฐานทางสังคม) ในการให้ “รางวัล” เช่น แทนที่จะให้รางวัลเป็นตัวเงิน ก็เปลี่ยนไปจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์แทน เพราะสร้างความทรงจำได้ดีกว่า แถมยังได้สร้างความสัมพันธ์กับทีมและได้รู้จักตัวตนเพื่อนร่วมงานแต่ละคนมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ Dan Ariely ผู้เขียนหนังสือขายดีระดับโลกอย่าง Predictably Irrational ยังเผยด้วยว่า ในหลายกรณี พนักงานมักมีแนวโน้มจงรักภักดี ขยันทุ่มเท และมีความสุข เมื่อได้รับการปฏิบัติแบบ Social Norm (ไม่ใช่ Market Norm ที่มุ่งแต่ให้เงิน)

2. No Rules Rules | โดย Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง Netflix 

ปล. หนังสือพัฒนาองค์กรเล่มนี้ได้เขย่าวงการ HR/Business Management มาแล้วถึงความ ‘สุดโต่ง’ ในหลายๆ เรื่อง

  • เลือกเฉพาะคนเก่งที่สุด และ จ่ายเงินเดือนแพงที่สุดในตลาด ถึงขนาดแนะนำให้พนักงานออกไปสมัครงานกับบริษัทคู่แข่งเพื่อเช็คเงินเดือนตัวเอง (Salary Benchmarking)
  • คนในบริษัทไม่ใช่ครอบครัว แต่เป็น “ทีมฟุตบอล” ทุกคนมีหน้าที่หลักของตัวเอง และต้องซัพพอร์ตหน้าที่อื่นด้วยเมื่อจังหวะมาถึง (กองหลังก็ยิงประตูได้เมื่อจังหวะมาถึง และสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้เสมอ หากเล่นไม่ดีก็ต้องออกไป)
  • อยากเซ็นเช็คอะไรก็เซ็นได้เลย ไม่ต้องรออนุมัติ คุณมีอำนาจเต็มที่ ขอแค่ทุกอย่างต้องทำไปโดยมีผลประโยชน์ของ Netflix เป็นที่ตั้ง
  • ลดการควบคุมใดๆ อยากลาพักร้อนวันไหนก็ทำได้เลย (Unlimited Vacation Policy) หรือเบิกงบค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปใช้ได้อย่างสบายใจ เช่น เดินทางไปดีลงานกับลูกค้า สามารถนั่งเครื่องบินชั้น Business Class และนอนโรงแรม 5 ดาวได้ตามสบาย…ขอเพียงแค่ต้องตอบให้ได้ว่า ทั้งหมดทำไปเพื่อ Netflix’s best interests 
  • เมื่อวิกฤติมาถึง ไล่พนักงานระดับ Average ทั่วไปออกให้หมด เหลือไว้แต่ระดับ Top หัวกะทิสุดไว้เท่านั้น โดยหลังทดลองทำแล้วพบว่า Performance ทุกอย่างกลับดีขึ้น

3. Principles | โดย Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates 

  • อย่าจ้างคนที่แค่เหมาะสมกับงาน ให้จ้างคนที่คุณถึงขนาดอยากร่วมหัวชนฝาใช้ชีวิตด้วยในระยะยาวเพื่อร่วมปั้นบริษัทให้ก้าวไปถึงเป้าหมาย
  • โอบกอดความล้มเหลว อย่ากลัวจนไม่กล้าลองผิดลองถูก บางครั้งความล้มเหลวนำไปสู่การเรียนรู้ครั้งใหญ่ (แต่ต้องพิจารณาด้วยว่า ความผิดพลาดนั้นยอมรับได้หรือไม่)
  • เอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน ตัดอคติหรือสถานะความน่าเชื่อถือออกไป ข้อมูลทุกอย่างต้องถูกเปิดเผยอย่างโปร่งใสไม่มีลับหลัง การฮั้วกันเบื้องหลังเป็นสิ่งที่รับไม่ได้เด็ดขาด (คุณ Dalio เคยไล่พนักงานคนหนึ่งออกเพราะเขาแอบไป ‘กระซิบหลัง’ เพื่อนร่วมงานอีกคน)
  • อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ การขอให้คนอื่นช่วยในเรื่องที่เราไม่เชี่ยวชาญเป็นสิ่งจำเป็นมาก แม้คุณจะมีตำแหน่งสูงก็ควรขอความช่วยเหลือจากคนตำแหน่งล่างกว่าหากไม่รู้ ความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย…อย่าให้อีโก้มาฉุดรั้งเรา
  • เชื่อในกฎ 80/20 ประสิทธิภาพกว่า 80% ขององค์กรมาจากพนักงานแค่ 20%…จงตามหา 20% นั้นให้เจอซะ

4. The Hard Thing About Hard Things | โดย Ben Horowitz ผู้ก่อตั้ง Opsware

ปล. นี่คือหนังสือที่ได้รับการขนานนามว่า ‘สมจริง’ ที่สุดแห่งยุค ไม่มีคำพูดหล่อๆ มีแต่เรื่องยากๆ ในความยาก

  •  มี CEO อยู่ 2 แบบ 2 เวลา: “Peacetime และ Wartime” ซึ่งตอบสนองต่อสถานการณ์แตกต่างกันสิ้นเชิง 

…Wartime CEO บ้านกำลังไฟไหม้ ต้องเผด็จการรวมศูนย์อำนาจ ทุกอย่างเร็วฉับไวไม่มีเวลาคิดนาน ถามความเห็นไม่กี่คนแล้วตัดสินใจเลย และใจต้องเด็ดขาดกล้าไล่คนที่เติบโตมาด้วยกันออก คนไม่รอดแต่องค์กรต้องรอด เป็นช่วงเวลาปรับองค์กรขนานใหญ่


…Peacetime CEO รับฟังความคิดเห็นแบบเจาะลึก พนักงานมีสิทธิ์มีเสียง ทำงานแบบมีแผนสำรอง ค่อยๆ ขยายอาณาจักรอย่างรอบคอบ ประนีประนอมให้โอกาสไม่ไล่คนออกง่ายๆ

  • ผู้นำต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าบริษัทกำลังจะเจ๊ง…คุณจะทำอะไร?” (เช่น กระโดดสู่ธุรกิจใหม่) ซึ่งคำตอบจะนำไปสู่คำถามต่อไปว่า “แล้วทำไมคุณไม่รีบทำตอนนี้…ก่อนที่มันจะเจ๊ง?”
  • ยึด 3P เป็นแก่นหลัก: People, Products, Profits (โดย People ต้องมาก่อน)
  • ผู้นำองค์กรต้องหัดตัดสินใจด้วย “สัญชาตญาณ” บ้าง มีผลวิจัยที่ทำการทดลองมาอย่างยาวนานพบว่า CEO ที่ตัดสินใจด้วยข้อมูลเหตุผล กับ CEO ที่ตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ…ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน (ไม่ได้แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ) มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างคือ “เวลา” ซึ่งการตัดสินใจแบบสัญชาตญาณประหยัดเวลาไปได้มาก
  • จำนวนการตัดสินใจ ไม่สำคัญเท่า “ความสำคัญ” ของการตัดสินใจนั้น การพัฒนาองค์กรจะถูกดำเนินต่อไปทิศทางไหน ก็มาจากการตัดสินใจภาพใหญ่ที่สำคัญจริงๆ แค่ไม่กี่ครั้ง…CEO ต้องหาให้เจอและทุ่มความสำคัญลงไปให้มากที่สุด
  • บางครั้งวิกฤติมีอำนาจเหนือกว่าวัฒนธรรมองค์กร บริษัทต้องปรับตัวเข้าหาเพื่อความอยู่รอด ต้องเล่นตามเกม ซึ่งนั่นรวมถึงการปลดพนักงานที่ performance ไม่เข้าเป้า

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์กรทั้ง 4 เหล่านี้ถึงประสบความสำเร็จระดับโลก เพราะมีแนวคิดการบริหารคนที่โดดเด่นชัดเจนและเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรของตน

ผู้บริหารคนไหนหรือใครก็ตามที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรแบบไหน Core Value ของตัวเองคืออะไร? Personality ของเราเป็นอย่างไร?

…ลองไปทำ แบบประเมินอาชีพ “5 Shades of Life” จากเราได้ที่นี่ >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/

อ้างอิง

Author

  • รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

2025 ai
รวม 10 AI น่าใช้ประจำปี 2025 มีเอาไว้พนักงานออฟฟิศทำงานคล่องขึ้นแน่นอน
Work smarter, not harder ด้วย AI Tools เหล่านี้ จดเอาไว้! ฝึกใช้ ทำงานง่ายขึ้นแน่นอน 1. ChatGPT AI ChatBot ที่สามารถโต้ตอบและตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ...
mindset
10 Mindset สร้างความแตกต่าง สู่ความสำเร็จในที่ทำงานก่อนใคร
ในโลกที่แข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ ความรู้และความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวอาจไม่พาเราไปได้ไกลเท่าที่หวัง สิ่งที่แยกคนประสบความสำเร็จออกจากคนทั่วไปอย่างแท้จริงคือ...
พฤติกรรมทำลายแรงจูงใจ
พฤติกรรมสำคัญที่ทำลายแรงจูงใจในชีวิต รีบเลิกก่อนจะไม่มีแรงทำอะไร โดย Andrew Huberman
เคยมีอาการเหนื่อย ไม่อยากทำอะไรบ้างไหม ใน Podcast ของ Chris Williamson ได้สัมภาษณ์ Andrew Huberman เอาไว้เกี่ยวกับพฤติกรรมทำลายแรงจูงใจในชีวิตอย่างน่าสนใจดังนี้:...