เทคแคร์ทีมสไตล์ Sephora ให้แบรนด์มีสไตล์ ลูกค้าแฮปปี้

Sephora ร้านบิ้วตี้ชั้นนำของโลกที่มีอยู่กว่า 2,700 สาขา ใน 35 ประเทศทั่วโลก แต่ภาพลักษณ์ร้านที่ดูสดใสเอเนอร์จี้บวกล้นทะลักขนาดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย…ถ้าไม่มีเบื้องหลังการบริหารพนักงานสไตล์ Sephora ที่มีอยู่กว่า 39,000 คนทั่วโลก ที่รวมทั้งศาสตร์ & ศิลป์ (Art & Science) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Sephora เทคแคร์ทีมยังไงให้ทำงานอย่างมีความสุข แบรนด์มีสไตล์ และลูกค้าแฮปปี้?

 

ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

 

การบริหารคนมักเกี่ยวข้องกับเรื่อง Soft skills ทั้งหลาย แต่การจะทำแบบนั้นได้แบบตรงจุดต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง

 

อันดับแรกเลย Sephora จึงลงทุนกับการ เก็บข้อมูลทุกรูปแบบ (Data collection) ผลลัพธ์การตัดสินใจที่ถูกต้องมาจากการวิเคราะห์รอบด้าน และการวิเคราะห์รอบด้านมาจากวัตถุดิบฐานข้อมูลที่ถูกต้องและมีเยอะมากพอ 

 

เมื่อข้อมูลครบถ้วน Sephora ถึงค่อยนำมาพัฒนาสวัสดิการและออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์พนักงานต่อไป

 

จุดยืนแบรนด์ชัดเจน

 

วิสัยทัศน์ที่ฟังดูเรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง “สู่การเป็นคอมมูนิตี้ด้านความงามที่ผู้คนรักมากที่สุด” (Be The Most Loved Beauty Community.)

 

แบรนด์ยังมีทัศนคติที่ชัดเจนว่า ความงามเกิดขึ้นเมื่อมีความหลากหลาย แต่ละคนมีความสวยในเอกลักษณ์แบบฉบับของตัวเอง ไม่ควรมีใครเอาไม้บรรทัดแค่แท่งเดียวมาเป็นมาตรฐานกลางในการใช้วัดคนอื่น

 

แนวคิดนี้นำไปสู่การเปิดรับพนักงานที่มีภูมิหลังหลากหลาย มีมุมมองต่อความครีเอทีฟที่ต่างกัน พร้อมเป็นผู้นำที่ฉายแสงการทำงานในแบบตัวเอง จนไปสู่การเปิดกว้างต่อผลิตภัณฑ์บิวตี้อันหลากหลายที่แบรนด์คัดสรรนำมาวางจำหน่าย

 

Sephora University

 

แบรนด์จัดทำพื้นที่แห่งการเรียนรู้ออนไลน์และออฟไลน์สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ ไม่มีค่าใช้จ่าย เรียกว่า Sephora University เป็นเหมือนระบบเทรนนิ่งไปในตัว อัพเดท Insights ล่าสุดในวงการ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน

 

เมื่อร่วมเรียนไปได้ซักพัก หัวหน้างานจะรู้ว่าควร assign งานได้ตรงจุดตามความสามารถแก่พนักงานคนไหน และเป็นเครื่องมือในการคัดเลือก Talents เวลาต้องการโปรโมตสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น เพราะเนื้อหาภายในมีการแบ่งระดับขั้นการเรียนรู้ สำหรับระดับสูงสุด พนักงานต้องเข้าเรียนถี่และสอบให้ได้คะแนนมากกว่า 80%

 

Sephora Engagement

 

Sephora ให้ความสำคัญกับ Employee engagement สูงมาก แบรนด์มองว่านี่คือด่านแรกที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนไปส่งมอบประสบการณ์ดีๆ แก่ลูกค้าต่อไป 

 

มีกิจกรรมที่หัวหน้าจะหมั่นพูดคุยกับพนักงานทุกระดับ มีการทำแบบสอบถาม ทำการสำรวจออนไลน์ หรือตระเวนแวะเวียนไปเยี่ยมถึงร้านสาขาและพูดคุยกับพนักงานแบบซึ่งๆ หน้า ในบางสนทนา อาจถูกยิงคำถามที่วัดกึ๋นความเป็นผู้นำ เช่น “ถ้าคุณได้ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง คุณจะเปลี่ยนแปลงองค์กรจุดไหนบ้าง?” 

 

กิจกรรมเหล่านี้ยังเป็นเครื่องมือค้นหา Hidden Gem คนเก่งที่มีแววฉายแสง และเป็นการตรวจสอบปัญหาภายในองค์กรไปในตัว ก่อนรีบแก้ไขไม่ให้บานปลาย

 

ทำให้ทุกวันเป็นเรื่องแปลกใหม่

 

แบรนด์รู้ว่า ถ้าสามารถสร้างสีสันกับสิ่งที่เป็นชีวิตประจำวันในการทำงานของพนักงานได้ ย่อมสร้างความสุข ความตื่นเต้นได้ไม่ยาก…โดยใช้งบที่ต่ำ

 

จึงเกิดตัวอย่างไอเดียกิจกรรม โดยจะแอบติดสติ๊กเกอร์ใต้ที่นั่งของพนักงาน และสุ่มผู้โ๙คดี 5 คนเพื่อไปรับรางวัลพิเศษ ลักษณะกิจกรรมและของรางวัลจะเปลี่ยนไปเรื่อย แม้จะไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไร แต่ก็มากพอที่จะทำให้พนักงานรู้สึกสนุกตื่นเต้นสดใหม่กับการมาทำงานแล้ว 

 

ซึ่งในเวลาต่อมา ไอเดียนี้ก็ถูกประยุกต์ใช้กับแคมเปญการตลาด ลูกค้า Sephora รับของขวัญวันเกิด หรือถูกเชิญมาร่วมงานอีเวนต์พิเศษ 

 

นอกจากนี้ จิตวิทยาพื้นฐานของมนุษย์ต้องการได้รับ การยอมรับ (Recognition) โดยพนักงานที่ทำผลงานได้สำเร็จ…แม้จะเล็กน้อยก็ตาม เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่จะได้รับการชื่นชมจากคนอื่น เกิดเป็นห่วงโซ่ของการชมกันไปชมกันมา กลายเป็นบรรยากาศทำงานที่ชื่นใจ บูสท์ความคิดสร้างสรรค์ แฮปปี้กับการมาทำงาน

 

เพราะ Sephora มองว่าตัวเองเป็นอีกหนึ่ง People Business ต้องใส่ใจกับคนทั้งพนักงานภายในเองและลูกค้า ไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นแบรนด์พยายามสรรหากลยุทธ์บริหารหรือแนวทางการปั้นคน 

 

เพราะการจะรุ่งใน People Business บางทีแบรนด์ต้องทรีตท์ People คนในองค์กรตัวเองให้ยอดเยี่ยมก่อน!

 

อ้างอิง

Author

  • CareerVisa Team

    รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

มีอะไรต้องทำมากมาย จัดตารางชีวิตไม่ทัน ทำอย่างไรดี?

ใครเป็นสาย Active ฟังทางนี้ ! จะทำอย่างไรดีเมื่อเรามีอะไรต้องทำเยอะไปหมด จนเริ่มจัดการกับตัวเองไม่ได้ วันนี้เรามาลองดูกันว่าปัญหานี้แก้ได้อย่างไร และบอกเลยว่าง่ายกว่าที่คิดอย่างแน่นอน

“เมอร์เซอร์” เผยรายงานเทรนด์ตลาดพนักงานที่มีศักยภาพสูงทั่วโลกในปี 2566 พบว่านายจ้างในประเทศไทยเดินหน้าเรื่องแผนงานการสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ยังขาดการดูแลสวัสดิภาพและทักษะของพนักงาน

ผู้บริหารสายงานทรัพยากรบุคคลในประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงานแบบองค์รวม ซึ่งรวมถึงการดูแลด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของพนักงาน นอกเหนือจากการบ่งชี้ปัญหาช่องว่างทางทักษะของพนักงานแล้ว บริษัทควรมีแผนงานในการเสริมสร้างทักษะความสามารถที่เหมาะสมให้กับพนักงาน วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566 (ประเทศไทย) — 6 ใน 10 ของผู้บริหารในภาพรวมคาดการณ์ว่า แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังไม่สดใสมากนัก แต่องค์กรของตนเองจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงหรือมีการเติบโตที่ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดีหากคำนึงถึงแผนธุรกิจสำหรับในปีนี้ ผู้บริหารส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียยังคงมีความกังวลในเรื่องต้นทุนของการลงทุนและหนี้สินของบริษัท และภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว อันมีผลต่อการแข่งขันเพื่อดึงดูดพนักงานที่มีทักษะและความสามารถโดดเด่น และจากรายงานแนวโน้มตลาดแรงงานที่มีทักษะศักยภาพสูงทั่วโลกในปี 2566 ซึ่งจัดทำโดยเมอร์เซอร์ (Global

โตขนาดนี้แล้ว ยังหาตัวเองไม่เจอ ไม่ต้องกังวล!

หลายคนอาจจะกำลังสับสนในชีวิตตัวเองว่า จริง ๆ แล้วเราชอบอะไรกันแน่ หรืออะไรที่เหมาะสมกับเราที่เราทำได้ดี ไม่ต้องกังวลไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะตามหาตัวเองเจอได้ไวแบบใจคิด เพียงแต่ว่าถ้าหากเราอยากได้ตัวช่วย ลองทำตามสเต็ปเหล่านี้ดู