
วันจันทร์อีกแล้ว!!! ถึงแม้ส่วนใหญ่จะ WFH กันช่วงนี้ แต่ก็ คงมีน้อยคนที่ “อยากเอางานกลับมาทำที่บ้าน” หรือ “ทำงานที่บ้านตอนนอกเวลาทำงาน” กันใช่มั้ยครับ?
ผมตื่นเต้นกับชื่อหนังสือเล่มที่กำลังจะรีวิวมากๆ เลยควักเงินซื้อมาดองไว้ตามเคยหนังสือเล่มนี้คนแต่งเป็นคนญี่ปุ่น เอาจริงๆ ก็เข้าใจว่าคนญี่ปุ่นไม่น่าจะเอางานกลับไปทำที่บ้านกันนะเพราะว่าคนญี่ปุ่นทำงานจนดึกดื่นที่ออฟฟิศอยู่แล้วไง ไม่ใช่หรอ?
ความลับของคนที่ไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้าน
ตอนแรกผมก็เลยยังคิดไม่ออกว่าหนังสือเล่มนี้ จะเล่าถึงเรื่องอะไรกันแน่พอเริ่มอ่านไปก็เริ่มเข้าใจว่า หนังสือเล่มนี้ กำลังจะบอกวิธี “ทำงานในออฟฟิศ” ให้มันได้งานเยอะๆ ซึ่งหัวใจสำคัญที่เขาบอกก็คือ การสร้าง “พลังสมาธิ”
พลังสมาธิ x เทคนิค = Productivity
ผมชอบติดตามฟัง podcast ที่สอนเรื่อง productivity อยู่หลายรายการ เช่น Mission to the moon, คนสร้างเวลา, Leanovative ในรายการเหล่านี้มักจะบอกเทคนิคการสร้าง productivity หลายๆเทคนิคอยู่เสมอโชคดีของคุณแล้วถ้าคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพราะว่าหนังสือเล่มนี้จะสอนคุณหลายๆเทคนิคที่ผมเคยได้ฟังมาแล้วจากใน podcast หลายๆตอนที่ผมเคยฟัง

ช่วงที่ 1 พลังสมาธิ
การทำงานที่ดีของสมาธิ จะเกิดขึ้นในสภาวะแบบไหน สมองชอบการแบ่งช่วงเวลาที่ใช้สมาธิเป็นช่วงสั้นๆ การลดการใช้สมาธิด้วยการพยายามทำอะไรเป็นรูทีน ประหยัดพลังสมาธิกับเรื่องอะไรที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดเยอะ
ช่วงที่ 2 เทคนิคการเพิ่มพลังสมาธิ
โดยเขาแบ่งออกเป็น 7 เครื่องยนต์
- สถานที่ การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดี สีฟ้ากับกระจกเป็นสิ่งที่ควรมีอยู่บนโต๊ะทำงาน
- บุคลิกภาพ ควรลุกขึ้นยืนบ่อยๆระหว่างที่ทำงาน นั่งแบบไหนทำให้เลือดไหลเวียนดี
- อาหาร อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (พวกข้าวกล้องหรืออาหารที่มีไฟเบอร์สูง) ทำให้เราใช้พลังสมาธิได้ต่อเนื่อง และกินถั่วชนิดต่างๆระหว่างมื้ออาหาร
- อารมณ์ อารมณ์ที่แตกต่างกันเหมาะกับงานต่างชนิดกัน ไม่น่าเชื่อว่า “ความโกรธ” ทำให้มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม วงเล็บให้ว่าควรโกรธแบบมีสติ
- กิจวัตร อะไรที่ต้องทำทุกวันเช่น เลือกเสื้อทำงาน อย่าประมาทเด็ดขาดพวกนี้แหละตัวดึงสมาธิเลย ลองทำแบบ Steve Job ดู ใส่เสื้อเครื่องแต่งกายเดิมๆซ้ำๆ พยายามให้แต่ละห้องมีเฉพาะของจำเป็นในการทำงานนั้นๆ
- การออกกำลังกาย ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง สามารถทำง่ายๆด้วยการเดินขึ้นบันไดระหว่างวันหรือ เดินเร็วๆเพื่อไปทำงาน
- การฝึกสมาธิจริงๆ เช่น การนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก
ช่วงที่ 3 การบำบัดเพื่อ Reset ความเหนื่อยล้า
จะพูดถึงวิธีที่ช่วยพักฟื้นสมองและเรียกพลังสมาธิใกล้มา ซึ่งประกอบไปด้วย การนอน และการตื่นให้ตรงกับนาฬิกาชีวิตของเรา การประคบดวงตาด้วยผ้าอุ่นๆหรือหลับตา การเขียนสิ่งที่คุณกังวลใจลงไปในกระดาษจะช่วยลดความเครียดได้ดีขึ้น
ช่วงสุดท้าย เทคนิคการจัดการเวลา
มีหลายๆเทคนิคที่เชื่อมโยงกับสมอง เช่น
- การใช้เวลาช่วง Peak ของสมองไปทำงานที่สำคัญกับเรา
- เทคนิคมะเขือเทศ (โพโมโดโระ) ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที เทคนิค
- การทำ Time Boxing กำหนดช่วงเวลา “อู้”ให้ตัวเองในแต่ละวัน
- การทำ to do list ของ ไอวี่ ลี เป็นเทคนิคที่ผมชอบมากที่สุด มันฟังดูทำง่ายสุด ในแต่ละวันก่อนจะครบ 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน (ช่วง peakของสมอง) ให้เราเขียนสิ่งที่ต้องทำ 6 ข้อในแต่ละวัน และให้เรียงลำดับความสำคัญและการทำให้เสร็จตาม 6 ข้อนั้นด้วย สิ้นวัน ถ้าทำไม่เสร็จไม่เป็นไร วันต่อไปให้ทำแบบเดิมต่อ ที่บอกว่าไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยเราคงทำงานที่สำคัญเสร็จไปบ้างแล้ว
ยังมีเทคนิคอีกมากมาย ในหนังสือเล่มนี้ อยากให้ลองไปติดตามอ่านและลองทำกันดูครับ
เขียนโดย : ชินภัทร สุวรรณพุ่ม