อาชีพแรกของ Reed Hasting : จากเซลส์เคาะประตูบ้านขายของ สู่สตรีมมิ่งที่กินเวลานอนคนทั่วโลก

ถามตัวเองดูว่า ทุกวันนี้อะไรแย่งเวลานอนของเรามากที่สุด? คำตอบน่าจะยังคงเป็น Netflix กับซีรี่ส์เกาหลีสุดฟิน Original Content ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ และหนังคุณภาพดีอีกเพียบที่ต่อคิวลิสต์รอชมยาวถึงปีหน้า

ความมหัศจรรย์ของสตรีมมิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นโดยคุณ Reed Hastings เจ้าของผู้ร่วมก่อตั้ง ชายผู้อยู่ในสปอตท์ไลท์ของวงการธุรกิจในช่วงหลายปีมานี้ 

  • เจ้าของแนวคิด No Rule Rules 
  • บิดาแห่ง HR กับนโยบาย Unlimited Vacation Policy 
  • แนวคิด Salary Benchmarking ให้พนักงานไปสมัครงานกับบริษัทคู่แข่งก่อนจะให้มากกว่าแบบเกทับ…และอีกมากมาย

 

แต่ชายคนนี้ไม่ได้มี privilege ที่สูงส่ง หรือมีแบคกราวด์มาจากครอบครัวร่ำรวย แต่เขาเป็นคนธรรมดาเหมือนเรานี่แหล่ะ และมีอาขีพแรกเป็นเซลส์ขายของเหมือนพวกเราหลายคน

 

เซลส์เคาะประตูขายตามบ้าน

 

หลังจบชั้นมัธยมฯ และก่อนจะเข้ามหาลัยฯ ซะอีก อาชีพแรกของ Reed Hastings คือ “เซลส์เคาะประตูขายเครื่องดูดฝุ่น” เขาต้องตระเวนเดินไปตามประตูบ้านคนในเมืองบ้านเกิดอย่างบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

 

แม้จะดูเป็นงานที่เหนื่อย แต่เขามีความสุขและได้บทเรียนเยอะมากที่จะปูทางให้เขาเป็นเขาแบบทุกวันนี้ 

 

งานนี้ทำให้เขาได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายคน มากมายหลากหลายชนิดที่ในชีวิตประจำวันปกติหรือถ้าไม่ได้ทำงานนี้ก็คงไม่มีโอกาส เขาได้เรียนรู้สกิลการพูด การนำเสนอจุดแข็งที่น่าสนใจ การยอมรับจุดอ่อนข้อจำกัดที่ผลิตภัณฑ์มอบให้ไม่ได้ การพรีเซนท์อย่างมีอรรถรส การอ่านเกมบริบทสถานการณ์ต่างๆ และวิเคราะห์บุคลิกตัวตนของอีกฝ่าย รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากคำถามที่ลูกค้าจี้ถามสนุกปาก

 

ที่สำคัญและสร้างการเติบโตและสตรองทางจิตใจคือ เขาได้สัมผัสความรู้สึกการ “ถูกปฏิเสธ” เพราะสิ่งที่นำเสนอไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่นี่เองเป็นบทเรียนที่ทำให้เขามอง “ผู้ใช้งาน” เป็นหลัก (Customer-centric) สินค้าที่ขายต่อจากนี้ต้องตอบโจทย์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ฟังก์ชั่นการใช้งานหรืออารมณ์ความรู้สึก

 

แม้ดูเหนื่อยและไม่ใช่อาชีพที่อภิรมย์นัก แต่ Reed Hastings บอกเลยว่า เขาเอนจอยงานเซลส์ขายเครื่องดูดฝุ่นนี้มาก…มากเสียจนยอมดีเลย์เลื่อนการเข้าชั้นมหาล้ยฯ ออกไปเลยทีเดียว!!

 

ประสบการณ์ช่วงเวลานี้ ได้ปูพื้นฐานทัศนคติ mindset การทำงานที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือการ Find passion in work ทำงานจนงานนั้นกลายเป็นแพชชั่น (ไม่ใช่หา passion จนเจอก่อนค่อยทำงาน) เป็นการมองหาข้อดีที่ได้ทำงานน้้น ที่งานนั้นได้มอบโอกาสพิเศษดีๆ ให้แก่ชีวิต เป็นการพึงพอใจและแฮปปี้กับสิ่งที่มี






จากอาชีพแรก ก็ไปเรียนต่อมหาวิทยาลับ จบมาเข้าทำงานเป็น software developer สร้างเครื่องมือที่คอย debug ซอฟต์แวร์ต่างๆ ก่อนค่อยๆ ไต่เต้าจนขึ้นมาเป็น CEO ในบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ 

 

และระหว่างทางนี้ ได้พบกับภรรยาในอนาคต ซึ่งการพบกันนี้และจากการเรียนรู้ซี่งกันและกัน ทำให้เขากลายเป็นคน “โฟกัส” กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาผยว่า สกิลโฟกัสนี้ทำให้เขาทำงานสร้างผลิตภัณฑ์ 1 อย่างได้ดี คุณภาพเยี่ยม มีประสิทธิภาพกว่าทำทีเดียวหลายอย่างแต่ไก้คุณภาพธรรมดากลางๆ 

 

จากนั้นเรียกว่า The rest is history เส้นทางชีวอตทำให้เขาลาออกมาร่วมก่อตั้ง Netflix เริ่มจากตระเวนให้เข่าวิดีโอ ก่อนเปลี่ยนโฉมกลายมาเป็นสตรีมมิ่งชั้นนำของโลกแบบทุกวันนี้

 

ถ้าสังเกตให้ดี มันมาจากความสามารถในการต่อยอดความคิดและประยุกต์ใช้ไม่สิ้นสุด แม้แต่ Reed Hastings อดีตเซลส์ขายเครื่องดูดฝุ่น สู่ผู้ก่อตั้งสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของโลก พวกเราเอง…ถ้าไม่ท้อถอย ฝันใหญ่ ต่อยอดความคิดไม่สิ้นสุด ก็น่าจะทำได้ดีกว่าเดิมไม่มากก็น้อย ใครจะไปรู้ อนาคตเราอาจสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ให้แก่โลกใบนี้ก็ได้!!

 

อ้างอิง

Author

  • CareerVisa Team

    รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

ดูยังไงว่าคนสัมภาษณ์งานกำลังพูดไม่จริง

ผลวิจัยเผยว่า คนเรา “โกหก” ซึ่งๆ หน้าเวลาสัมภาษณ์งานมากกว่าที่คิด เพื่อปกปิดเรื่องที่ไม่อยากให้รู้ หรือให้รู้แค่บางส่วนเท่าที่อยากให้รู้พอ หลายคนทำไปเพราะสถานการณ์บังคับ คือพื้นฐานเป็นคนดีมีจรรยาบรรณ แต่จังหวะสำคัญนี้ก็ต้องขอซักหน่อย เพราะใครๆ ก็อยากได้งาน

คนแบบไหนที่ไม่น่าอยู่ในอำนาจได้นาน 

การไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้ามีอำนาจในมือ vs. การรักษาตำแหน่งหัวหน้าและอำนาจในมือ เป็น 2 สิ่งที่ดูเผินๆ เหมือนกัน แต่ถ้าดูลึกๆ จะพบว่าต่างกันสิ้นเชิง