หัวหน้าแค่ทำตาม 5 ข้อนี้ ทีมเก่งขึ้นแน่นอน!

“หน้าที่ของหัวหน้าไม่ได้โฟกัสที่ตัวเอง แต่คือการปั้นทีมพัฒนาคนให้เก่งขึ้น” ประโยคนี้พวกเรารู้กันดีอยู่แล้ว เพียงแค่ว่า พูดน่ะง่าย…แต่ทำจริงอาจไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

วันนี้เลยมี 5 ไอเดียมาแชร์เพื่อคนเป็นหัวหน้าโดยเฉพาะ พวกเราหัวอกเดียวกัน เชื่อว่าใช้เป็นแนวทางปั้นทีมได้ไม่มากก็น้อย


ฝึก Entrepreneur mindset

 

จริงอยู่ตอนนี้พวกเราคือลูกจ้างพนักงาน แม้แต่ตัวหัวหน้าเองก็ตาม แต่การคิดแบบนี้อาจไปตีกรอบให้จำกัดแค่หน้าที่ของตัวเองจนเกินไป 

 

หัวหน้าที่มีวิสัยทัศน์ควรฝึกน้องๆ ในทีมให้มี Entrepreneur mindset หัวคิดแบบผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจ!

 

ช่วยให้มองรอบด้านแบบ 360 องศา มากกว่าแค่ job description แน่นอนว่าไม่ใช่การก้าวก่ายงานคนอื่น หรือทำเกินเงินเดือนไปมากโข แต่ฝึกพิจารณาต้นทาง-ปลายทางต่างหาก แนวคิดนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้ออกจาก comfort zone ทำงานไปวันๆ ได้เป็นอย่างดี

 

Entrepreneur mindset ยังเป็นเทคนิคช่วยให้ลูกทีมมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม (Shared ownership) รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ลงเรือลำเดียวกัน คนอื่นมีปัญหาเราก็ยื่นมือ ทีมสำเร็จเราก็สำเร็จตาม แถมเก็บเป็น portfolio หลังจากออกไปเติบโตที่อื่นได้อีก

 

Empower ไปให้สุด

 

อยากให้ทีมคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ไอเดียเจ๋งๆ ชนิดเด้งออกมาแชร์กันทุกวีค หัวหน้าต้อง Empower มอบอำนาจให้ทีม! โดยลดระดับขั้นการทำงาน (Hierarchy) ลดขั้นตอนการ approve ที่มีหลายชั้นชวนปวดหัว



โดยเฉพาะ Talents เก่งๆ ยิ่งต้องการได้รับการ Empowerment เพื่อลงมือทำ แถมเป็นวิธีรักษาพนักงานเก่งกลุ่มนี้ไว้ด้วยนะ

 

ในช่วงการริเริ่ม หัวหน้าต้องแสดงสปิริตรับผิด-รับชอบ ยื่นอกปกป้องลูกน้องเมื่อทำผิดพลาด พร้อมให้เครดิตเมื่อทำสำเร็จ และต้องสื่อสารให้เคลียร์ไปเลย กำหนดขอบเขตการ empower ในช่วงเริ่มต้นว่าไปสุดที่ไหน การทำแบบนี้จะช่วย kick start การ empower ลูกทีมให้เกิดขึ้นจริงได้

 

ชื่นชมและมองเห็นข้อดีกันบ้าง!

 

ทุกคนรู้สึกดีเวลามีคนอื่นมาชมเรา หัวหน้าก็ต้องหัดสร้าง “วัฒนธรรมแห่งการชื่นชม” (Culture of Appreciation) กันและกันบ้าง การชื่นชมจะเป็นพื้นฐานในการมองเห็นข้อดีของเพื่อนร่วมทีม เห็นศักยภาพในตัว เห็นความสามารถที่สร้าง impact ได้ 

 

ยอมรับในความสำเร็จของคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากพอควรเพราะเรามีอีโก้ติดตัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย บรรยากาศในออฟฟิศที่มีการชื่นชมเปิดเผยยังช่วยลดความ Toxic และความเครียดจากการทำงานได้เป็นอย่างดี

 

เริ่มยังไง? หัวหน้าอาจเริ่มเล็กๆ จาก Morning meeting ทุกเช้าที่ปกติทุกคนต้องมาอัพเดทงาน ก็ให้เปิดด้วยการชื่นชมผลงานหรือประทับใจอะไรในตัวเพื่อนร่วมทีมที่ผ่านมาเมื่อวาน เช่นเรื่องง่ายๆ ขอบคุณที่ตอนพรีเซนท์ ถูกลูกค้าจี้ถามชุดใหญ่จนตกใจทำอะไรไม่ถูก และได้เพื่อนร่วมทีมกระโดดมาช่วยตอบคำถามให้อย่างครบถ้วน

 

หัดใส่ใจกับดักจิตวิทยาบ้าง

 

พฤติกรรมของคนในทีมมีความเชื่อมโยงกับเรื่องจิตวิทยามนุษย์โดยตรง เรารู้กันดีว่า หัวหน้าที่มีคุณภาพในยุคนี้ นอกจากเก่งงานแล้ว ก็ควรเก่งคนแล้ว และคีย์เวิร์ดที่ทำให้เก่งคนก็คือการเข้าใจกับดักจิตวิทยาต่างๆ เช่น 

  • Confirmation bias – หาข้อมูลเพื่อมายืนยันความเชื่อเดิมที่ปักธงในใจไปแล้ว
  • Action bias – คิดว่าการแก้ปัญหาต่างๆ ต้องลงมือทำโน่นทำนี่เท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าบางสถานการณ์ การอยู่เฉยๆ รอดูสถานการณ์ อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

ทุกวันนี้ ข้อมูลองค์ความรู้หรือบทความด้านจิตวิทยาหาอ่านได้ทั่วไปฟรีๆ ว่อนโซเชียล ลองแบ่งเวลามาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ บางทีหัวหน้าอาจค้นพบคำตอบของปัญหาเรื่องคนก็ได้นะ

 

แจกเฟรมเวิร์คให้ลูกทีม

 

บางทีหัวหน้าเป็นผู้รับฟังที่ดี เป็นนักโค้ชที่ยอดเยี่ยม แต่สิ่งนึงที่ขาดและลูกทีมต้องการในการแก้ปัญหาก็คือ เฟรมเวิร์คหลักคิดการทำงาน เพื่อเป็น guidance รูปธรรมในการเดินตาม

 

เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะลูกทีมเด็กจบใหม่ที่ยังประสบการณ์ไม่เยอะและไม่รู้ว่าควรจับจุดจับต้นชนปลายที่ไหนเวลาลงมือทำงานจริง

 

ตัวอย่างทีมกลยุทธ์และการตลาด เช่น ถ้าแบรนด์กำลังมองโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ให้ใช้ ERRC Matrix เป็นสารตั้งต้นในการเริ่ม ซึ่งประกอบด้วย 

  • Eliminate – ละทิ้งสิ่งเดิม
  • Reduce – ลดทำสิ่งเดิมที่ไม่เวิร์คอีกต่อไป
  • Raise – เพิ่มการทำสิ่งเดิมที่ยังคงเวิร์คอยู่
  • Create – พัฒนาสิ่งใหม่เอี่ยมขึ้นมา

 

หรือ ถ้าต้องการหาสิ่งที่เป็นจุดขายท่าไม้ตายของสินค้าบริการ ให้ใช้ Unique Selling Points 

  • โดยเริ่มจากนำวงกลม 3 วงมาตัดไขว้กัน ประกอบด้วย แบรนด์เรา-คู่แข่ง-ลูกค้า จุดที่เป็น USP คือสิ่งที่แบรนด์เรามี และ ลูกค้าต้องการ แต่ เป็นสิ่งที่คู่แข่งไม่มี

 

จะเห็นว่าทั้ง 5 ข้อ ลูกทีมจะได้ตั้งแต่วิธีคิด ประสบการณ์ระหว่างทาง จนไปถึงการลงมือทำที่หน้างานจริง ทดลองเริ่มต้นซัก 1-3 เดือนดู รับรองทีมต้องเก่งบ้างแหล่ะ!

 

อ้างอิง

Author

  • CareerVisa Team

    รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

ดูยังไงว่าคนสัมภาษณ์งานกำลังพูดไม่จริง

ผลวิจัยเผยว่า คนเรา “โกหก” ซึ่งๆ หน้าเวลาสัมภาษณ์งานมากกว่าที่คิด เพื่อปกปิดเรื่องที่ไม่อยากให้รู้ หรือให้รู้แค่บางส่วนเท่าที่อยากให้รู้พอ หลายคนทำไปเพราะสถานการณ์บังคับ คือพื้นฐานเป็นคนดีมีจรรยาบรรณ แต่จังหวะสำคัญนี้ก็ต้องขอซักหน่อย เพราะใครๆ ก็อยากได้งาน

คนแบบไหนที่ไม่น่าอยู่ในอำนาจได้นาน 

การไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้ามีอำนาจในมือ vs. การรักษาตำแหน่งหัวหน้าและอำนาจในมือ เป็น 2 สิ่งที่ดูเผินๆ เหมือนกัน แต่ถ้าดูลึกๆ จะพบว่าต่างกันสิ้นเชิง