รู้หรือไม่? HR คือพระเอกในการบิ้วด์ทีม ทำยังไงมาดูกัน

เวลาคนทั่วไปพูดถึงฝ่าย HR ยังมักเข้าใจผิดคิดว่าทำงานเบสิคๆ อย่างการสัมภาษณ์งานหา Talents ทำงานเอกสาร ทำเรื่องพนักงานขอลาป่วย ขาด มาสาย สวัสดิการ หรือดีลเรื่องประกันสังคม

แต่อันที่จริง ศักยภาพของ HR มีทั้งหน้าที่และมีพาวเวอร์โดยตรงในการ “บิ้วด์ทีม” (Team Building) ชนิดที่ถ้าทำถูกจริตล่ะก็ สามารถต่อยอดให้ทีมเติบโตก้าวกระโดดได้อย่างมีความสุขได้เลย

 

HR ที่มีวิสัยทัศน์

สมัยก่อน HR มักหาพนักงานใหม่ตามคำสั่งของแผนกที่ขาดคน แต่ยุคนี้ HR ที่มีวิสัยทัศน์ คนที่มองแบบ long-term มองแบบเอาตัวเองเป็น business partner ขององค์กร จะมี Recruiting Strategy อยู่ในใจ

 

ตอบ Why ได้ว่าทำไมต้องรับพนักงานใหม่ตำแหน่งนี้?

Invest เพิ่มแล้วคุ้มกับผลลัพธ์ที่สร้างมากแค่ไหน?

Talents ใหม่จะนำการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างมาสู่บริษัท?

 

HR Talents กลุ่มนี้จึงต้องเข้าใจ business ที่ตัวเองอยู่ ตอบได้ว่า ecosystem มีอะไรบ้าง รู้จักคู่แข่ง ตามทันเทรนด์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งถ้าเก่งรอบด้านขนาดนี้ล่ะก็ มักจะได้รับ authority สูงมาก ถูก treat เป็นพาร์ทเนอร์หรือที่ปรึกษาคนสำคัญขององค์กร 

 

เพื่อนคู่คิดกับพนักงาน

 

HR หัวก้าวหน้าสมัยนี้ไม่ได้เข้าข้างบริษัทฝั่งเดียวอีกต่อไป แต่บริหารผลประโยชน์ของฝั่ง Talents พนักงานด้วยเช่นกัน HR ต้องรู้ purpose ของบริษัทว่าทำไปเพื่ออะไร และตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว ก่อนดีไซน์กระบวนการทำงานให้ไปถึงเป้านั้น จึงต้องรู้ข้อกฎหมายพื้นฐานที่ปกป้องแรงงาน หรือหลักสิทธิมนุษยชนในระดับสากลด้วย

 

งานลักษณะนี้ HR มีความเป็น “พี่เลี้ยง-เพื่อนคู่คิด” ประจำตัว Talents อยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ได้ลงไปลุยเนื้องานโดยตรง แต่มีบทบาทอ้อมๆ ในการรักษาขวัญกำลังใจ ในการซัพพอร์ตทรัพยากรต่างๆ เพื่อพนักงานให้เค้าอยู่กับเราไปนานๆ อย่างแฮปปี้ 

 

ปั้นทีมให้โตไปด้วยกัน

 

HR ยุคนี้มีความเป็น People Development ในตัวสูงมาก ต้องรู้เทคนิคการ coaching พนักงานเพื่อเพิ่มสกิล หรือ training พนักงานหน้าใหม่ให้รีบเป็นงานได้เร็วที่สุด รวมถึงการออกไปดูหาไอเดียแรงบันดาลใจจากองค์กรอื่นๆ เพื่อนำมา apply ใช้กับตัวเอง

 

นอกจากนี้ HR ยังมีบทบาทสร้าง company culture ที่ดีได้โดยตรง ผ่านการออกแบบนโยบายและกิจกรรมประจำออฟฟิศ เข่น จัดให้ทุกๆ เช้าของวันศุกร์ เป็น Fun Friday ให้ Talents แต่ละแผนกสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกมาแชร์ให้ความรู้เรื่องที่ตัวเองถนัดให้ทีมได้เรียนรู้กัน 

 

ตัวอย่างเช่น ให้ Marketing ออกมาแชร์ขั้นตอนการยิง FB ads หาลูกค้า หรือ AE แชร์วิธีเจรจาหว่านล้อมปิดการขาย

 

  • อัพสกิลทุกคนไปในตัว โดยไม่ต้องลงทุนจ้างใครมา
  • หัวหน้าแต่ละแผนกได้ประเมินศักยภาพ Talents 
  • Talents คนนั้นได้โชว์ของ และอัพสกิลพรีเซนต์ไปในตัว
  • กระชับมิตร ทำให้สมาชิกทีมซี้กันหรือถกเถียงกันมากขึ้น

 

ปรับเปลี่ยนสู่อนาคต

 

ทุกบริษัทมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดย HR มีบทบาทโดยตรงในการผลักให้บริษัทเปลี่ยน-ปรับตัวได้ทัน 

 

อาจเริ่มจากทัศนคติที่ไม่ได้กลัวว่าเทคโนโลยี AI จะเข้ามาแทนที่ แต่นำมันมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น นำพาองค์กรเปลี่ยนผ่าน digital transformation สู่องค์กรที่ทันสมัย หรือนำระบบ Applicant Tracking System (ATS) มาช่วยในกระบวนการเฟ้นหาว่าจ้างพนักงานใหม่ ลดงานเอกสารจำเจ ทำให้มีเวลามากขึ้น หรือการ subscription เครื่องมือ AI ที่ช่วยให้ Talents ทำงานง่ายขึ้น เช่น ผลักดันให้บริษัทลงทุนอัพเกรด Midjourney เป็นแบบ Mega Plan ไปเลย เพื่อปลดล็อคจินตนาการ ได้ผลลัพธ์มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง 

 

หรือมองออกว่า การที่บริษัทเก่าแก่นี้จะโตไปข้างหน้าต่อได้ ทางเดียวเลยคือการหาคลื่นพนักงานรุ่นใหม่อย่าง Gen Z เข้ามา ซึ่งก็ต้องหาวิธีรับมือกับบุคลิก อุปนิสัย และความต้องการของพนักงาน Gen Z ที่แตกต่างจากเจนอื่นๆ อย่างชัดเจน เช่น hybrid work ต้องมีเป็นมาตรฐาน เวลาเข้างานต้องยืดหยุ่น 

 

มาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะมองออกแล้วว่า HR ยุคใหม่ไม่ใช่ HR ในแบบภาพจำเก่าๆ แต่เป็นตัวละครหลักในการปั้นทีม-บิ้วด์องค์กร ให้เติบโตได้อย่างสตรองและแฮปปี้ได้มากจริงๆ!

 

อ้างอิง

Author

  • CareerVisa Team

    รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

ดูยังไงว่าคนสัมภาษณ์งานกำลังพูดไม่จริง

ผลวิจัยเผยว่า คนเรา “โกหก” ซึ่งๆ หน้าเวลาสัมภาษณ์งานมากกว่าที่คิด เพื่อปกปิดเรื่องที่ไม่อยากให้รู้ หรือให้รู้แค่บางส่วนเท่าที่อยากให้รู้พอ หลายคนทำไปเพราะสถานการณ์บังคับ คือพื้นฐานเป็นคนดีมีจรรยาบรรณ แต่จังหวะสำคัญนี้ก็ต้องขอซักหน่อย เพราะใครๆ ก็อยากได้งาน

คนแบบไหนที่ไม่น่าอยู่ในอำนาจได้นาน 

การไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้ามีอำนาจในมือ vs. การรักษาตำแหน่งหัวหน้าและอำนาจในมือ เป็น 2 สิ่งที่ดูเผินๆ เหมือนกัน แต่ถ้าดูลึกๆ จะพบว่าต่างกันสิ้นเชิง