
คุณยูจิ มาเอดะ ผู้เขียนเป็นคนชอบจดบันทึกมาตั้งแต่เด็ก ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ได้ค้นพบว่าการจดบันทึกที่ดีสามารถช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้
ทำให้รู้จักโลก ทำให้เกิดไอเดีย ทำให้รู้จักตัวเอง มีเข็มทิศในการดำเนินชีวิต มีความฝัน ทำให้เกิดความมุ่งมั่น จึงต้องการส่งต่อความมหัศจรรย์ของการจดบันทึกนี้ให้กับคนรอบข้าง หนังสือเล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณรัตนาภรณ์ วานิชย์หานนท์ สำนักพิมพ์ Shortcut ในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง

การจดบันทึกมี 2 ประเภท
1. การจดเพื่อไม่ให้ลืม จดข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเพื่อบอกต่อหรือเก็บไว้ ประโยชน์คือ ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างในสมอง หรือประหยัดทรัพยากรสมองในการท่องจำ เพื่อเอาไปใช้คิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
2. การจดเพื่อสร้างสรรค์เป็นความรู้ใหม่ ซึ่งเน้นในหนังสือเล่มนี้
สิ่งที่น่าสนใจจากหนังสือ The Magic of Memos
จดโน้ตขั้นเทพ เปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมองที่สอง
ทักษะที่พัฒนาได้จากการจดบันทึกเป็นประจำ
1. ทักษะการสร้างสรรค์ความรู้ เวลาที่คิดไม่ออก เมื่อมีข้อมูลที่เคยจดสิ่งที่น่าสนใจเอาไว้ก็ทำให้สามารถออกไอเดียได้
2. ทักษะการรับสาร ทำให้เป็นคนไม่ปล่อยผ่านข้อมูล ช่างสังเกต ฝึกจับใจความสำคัญ
3. ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ ในการสนทนา เมื่อเราตั้งใจจะจด คู่สนทนาจะพูดเรื่องจริงจังออกมา และรู้สึกว่าเราให้เกียรติผู้พูด สนใจฟัง
4. ทักษะการวางโครงสร้าง ในบางครั้งคู่สนทนาพูดอย่างไม่มีโครงสร้าง ถ้าเราจดพร้อมช่วยวางโครงสร้างไปด้วย จะช่วยนำบทสนทนากลับมาสู่โครงสร้างได้
5. ทักษะการถ่ายทอดออกมาเป็นภาษา เมื่อเราจดบันทึก เราจะได้ฝึกถ่ายทอดความรู้สึกหรือความคิดที่ไม่ชัดเจนออกมาเป็นคำที่จะเขียนลงไปได้
การจดบันทึกแบบที่คุณมาเอดะแนะนำ
ใช้สมุดแบบเปิดซ้ายขวามีพื้นที่กว้าง และแบ่งเป็นช่องๆ ด้านซ้ายจดข้อเท็จจริง ได้แก่ วันที่ หัวข้อเรื่อง ข้อมูลโดยสรุปของเหตุการณ์หรือสิ่งที่สนใจ ส่วนด้านขวาไว้จดไอเดีย ที่เราสรุปจากข้อมูลด้านซ้ายมาเป็นแนวคิดใหม่และการประยุกต์ใช้
ใช้ปากกาสี่สี เพื่อแยกประเภทของข้อความที่เขียน ใส่สัญลักษณ์ เพื่อให้เรากลับมาอ่านจุดที่เราต้องการค้นหาได้ง่ายขึ้น การใช้เครื่องเขียนที่ชอบ สมุดที่ชอบก็ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกอยากเขียนมากขึ้น ช่วงเริ่มต้นหากเลือกไม่ได้ว่าจะจดอะไรบ้าง ขอให้จดให้มากที่สุดไว้ก่อน
คิดให้ลึกซึ้งมากขึ้นจากข้อมูลที่จดบันทึก
การตั้งชื่อเรื่องสิ่งที่จดบันทึกจะช่วยพัฒนาทักษะการถ่ายทอดออกมาเป็นภาษา ชื่อเรื่องที่ดีช่วยดึงดูดความสนใจของผู้คน ส่วนการสรุปเป็นแนวคิดใหม่เป็นทักษะความคิดที่สำคัญที่สุด การสรุปแนวคิดทำได้ 3 รูปแบบ what, how, why
WHAT คือ การสรุปสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วสร้างคำนิยามหรือชื่อเรียกใหม่
HOW คือ สิ่งนี้มีความพิเศษอย่างไร
WHY คือ เหตุผลคืออะไร เพื่อจะนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นได้
การจดบันทึกมีส่วนช่วยทำความฝันให้เป็นจริง
การเขียนความฝันออกมาเป็นตัวอักษรลงบนกระดาษ จะทำให้ระดับความตั้งใจในจิตใต้สำนึกเพิ่มสูงขึ้น ความฝันของเราจะมีโอกาสเป็นจริงมากขึ้นกว่าการคิดไว้เฉย ๆ หากจดไว้ในที่ที่เห็นบ่อยก็จะช่วยให้เรานึกถึงความฝันนั้นบ่อยขึ้นละเอียดขึ้น จนคิดหาวิธีการที่จะบรรลุความฝันนั้น
คุณมาเอดะแนะนำให้จดความฝันทุกเรื่องที่คิดได้ออกมา ใส่ระดับความสำคัญ แจกแจงสิ่งที่ควรทำอย่างละเอียดให้เป็นรูปธรรม ถ้ามีความฝันหลายอย่างเกินไปก็ต้องเลือกและโฟกัส การจดบันทึกนัดหมาย ”เรื่องไม่เร่งด่วนแต่สำคัญ” กับตัวเองไว้ในปฏิทิน จะทำให้สามารถบริหารเวลาได้ดีขึ้น
ทำความรู้จักตัวเองด้วยแบบทดสอบวิเคราะห์ตัวเอง
เวลาสัมภาษณ์งาน มักจะมีคำถามนอกเหนือจากเรื่องงานและความรู้ เป็นคำถามเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร เช่น ถามถึงประสบการณ์ชีวิตที่เคยผ่านมา ความฝันหรือเป้าหมายชีวิต ข้อดีข้อเสียของตัวเอง เพื่อดูทัศนคติและวิธีแก้ไขปัญหา หากเราไม่เคยวิเคราะห์ตัวเองมาก่อน อาจจะตอบแบบตะกุกตะกักไร้ทิศทาง หรือคิดเหตุการณ์ตัวอย่างไม่ออกก็ได้
แบบทดสอบวิเคราะห์ตัวเอง 1000 ข้อ
ของดีในภาคผนวกที่ห้ามพลาด…คุณมาเอดะรวบรวมคำถามต่าง ๆ ที่เคยทำเพื่อวิเคราะห์ตัวเองตอนหางาน 10 ระดับ ระดับละ 100 ข้อ เป็นคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับ ความฝัน นิสัย ประสบการณ์ ครอบครัวและญาติพี่น้อง เพื่อนและคนรู้จัก การเรียนและการทำงาน งานอดิเรกและสิ่งที่ชอบ
แต่ละระดับก็แบ่งย่อยตามช่วงอายุของเราอีกด้วย เมื่อตอบคำถามเหล่านี้แล้ว เขียนสรุปเป็นแนวคิด และการนำไปประยุกต์ใช้ออกมา เราจะได้รู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้น รู้ถึงความฝันและหลักการในการใช้ชีวิตของเรา หรืออย่างน้อย ก็ได้ทบทวนเรื่องราวในช่วงชีวิตที่ผ่านมา มีข้อมูลในคลังไว้ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเองเวลาสัมภาษณ์งานแล้วล่ะ

ท้ายเล่มยังมีอีก !
นอกจากนี้ ท้ายเล่มยังมี “หลักการใช้ชีวิต” ที่รวบรวมจาก social network ที่ผู้อ่านช่วยกันลงไว้ ประมาณ 1000 ข้อ รวมกว่า 50 หน้า เพื่อให้เราสามารถนำมาเปรียบเทียบกับหลักการใช้ชีวิตของตัวเอง และช่วยวิเคราะห์ตัวเองได้เร็วขึ้นด้วย
ทั้งหมดนี้ ราคา 245 บาท สามารถทดลองอ่านฟรีบางส่วนได้ โดยสแกน QR code บนปกหลัง!
Content Editor : Wasuthorn Harnnapachewin