องค์กรนี้มี Track record ที่น่าประทับใจ มีลูกค้าไม่ขาดสาย ฐานลูกค้าเก่าแน่น มองไปทางไหนก็มีแต่ Success Success Success! ซึ่งก็ชวนปลื้มว่า หญิงแกร่งอย่าง “พี่จูน – คุณจรีพี จารุกรสกุล” ผู้นำแห่ง WHA นี่เก่งจริงๆ เป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จขั้นสุดแก่เจเนอเรชั่นอื่นๆ ไปได้อีกนาน
แต่กว่าที่เธอจะมาเป็นเธอและพาองค์กรยิ่งใหญ่มาถึงทุกวันนี้ได้ เธอก็มี “อาชีพแรก” ในชีวิตที่เริ่มจากก้าวเล็กๆ ไม่ต่างจากคนทั่วไป และเป็นอาชีพแรกๆ นี้เองที่ปูฐานด้านความคิดของเธอจนทำให้สำเร็จแบบทุกวันนี้
พี่จูนเรียกจบป.ตรี จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จบออกมาทำบริษัทขายยา อาชีพแรกในชีวิตของเธอคือ “ผู้แทนขายยาทั่วไป” เฉกเช่นตำแหน่งเริ่มต้นเหมือนคนอื่นๆ
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ mindset ที่น่าสนใจมากของเธอ
อันดับแรก พี่จูนเป็นนักฟังชั้นเลิศ ไม่ได้ขายยาได้จากการพูด แต่มาจากการฟังความต้องการของลูกค้า พร้อมกับขัดเกลาสกิลการฟังเพิ่มไปด้วย จนเริ่มฟังเสียงคนอื่น ฟังเสียงคู่แข่ง ฟังเสียงคนไม่เห็นด้วย และฟังเสียงหัวใจตัวเอง
เธอมีแนวคิด Customer-Centric ชัดเจน ยึดเสียงลูกค้าเป็นใหญ่ ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง มักสอบถามความต้องการของลูกค้า และดำดิ่งลงลึกค้นหา Unspoken & Unmet Needs ด้วย คือกระโดดไปช่วยลูกค้าด้วยอีกแรง เพราะบางทีเขาเองก็ยังเคาะไม่ได้ ยังไม่รู้เป๊ะๆ ว่าต้องการอะไร แถมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เราเข้าใจด้วย พี่จูนจะทำตัวเสมือนอยู่เคียงข้างคอยแก้ปัญหาให้ลูกค้า จึงซื้อใจลูกค้าหลายเจ้าได้มาก
อีกเคล็ดลับคือ พี่จูนกล้าเข้าหาผู้ใหญ่ ชอบซักถาม เรียนรู้ผ่านการสังเกตพฤติกรรม ดูว่าเซลส์ผู้ใหญ่เค้ามีเทคนิคการขายยังไง ใช้กลยุทธ์อะไร สไตล์การพูดเป็นแบบไหน รวมถึงวิเคราะห์กิริยาท่าทาง ภาษากาย แต่งตัวยังไง อุปนิสัยนี้ทำให้ศักยภาพของเธอเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อายุไม่เยอะ
พี่จูนซีเรียสกับ Promise คำมั่นสัญญาเสมอ ตกลงอะไรไปต้องทำให้ได้ ต่อให้ไม่ได้เซ็นสัญญากับลูกค้าก่อนก็จะทำตามที่พูดไว้เสมอ เรื่องนี้สร้าง Trust จนทำให้เกิดลูกค้าภักดีหลายเจ้าที่อยู่กันยาวๆ มาถึงปัจจุบัน
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ แม้จะเป็นเซลส์ขายยา แต่เธอไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน ไม่ได้มีเงินเป็นเป้าหมายสูงสุด แต่ต้องการไปช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าต่างหาก ผลตอบแทนตัวเงินเป็นเพียงผลพลอยได้
ทั้งหมดนี้ทำให้เธอขึ้นแท่น Top Sales เงินเดือนหลายหมื่นบาทในยุคสมัยก่อน ถ้าเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน ก็เป็นมนุษย์เงินแสนดีๆ นี่เอง อย่างไรก็ตาม เธอคิดเสมอว่าอย่าไปยึดติดกับคน แต่ต้องยึดเอา “ระบบ” แทน ให้ความสำคัญมากกว่ากับระบบที่สร้างคนเก่งๆ ขึ้นมาแทนได้เรื่อยๆ สมมติถ้าทีมเกิดขาดเธอขึ้นมา ก็ต้องไม่กระทบ performance ของทีม!
นอกจากนี้ ในแง่การขาย เธอเชื่อว่าไม่มีเพดานของการขาย ถ้าจับจุดถูก มีเครื่องมือพร้อม และใจพร้อม คนเราสามารถทำยอดได้ไม่สิ้นสุด ไม่แปลกที่ในเวลาต่อมาเมื่อพี่จูนตั้งบริษัทและมีพนักงานเพียง 30 คน เธอกล้าตั้งเป้ายอดรายได้แตะหมื่นล้านบาท!
เธอเป็นตัวแทนขายยาอยู่ได้ 3 ปี ก่อนไปเรียนต่อป.โทด้านบริหารธุรกิจ และกลับมาเปิดบริษัทแรกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ WHA Group ตอนนั้นเธอยกสถานะตัวเองให้เป็นตำแหน่ง Managing Director ตอนอายุ 26
แม้อายุยังถือว่าน้อย แต่เธอโชว์ Leadership ภาวะผู้นำเป็นเลิศ เมื่อรันบริษัทไปแล้ว เธอมีความคิดว่าผู้นำต้อง “รับผิด” ออกนอกหน้าแทนลูกน้อง ต้อง protect ทีมให้ได้ แต่เมื่อเกิดผลงาน ต้องไม่รับชอบฝ่ายเดียว แต่ต้องยก credit ให้ทีมด้วย นิสัยนี้ยังเป็นการซื้อใจลูกน้องไปในตัวจนหลายคนยอมทำงานถวายหัวให้
นอกจากนี้ ยังมีจริต “ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง” แก่ลูกน้อง เธอมักลุยหน้างานเอง เช่น ในช่วงปีแรกๆ หลังเปิดบริษัท เธอจะขับรถปีละแสนกว่ากิโลเมตร เพื่อไปขายงานลูกค้าและเพื่อเห็นปัญหาหน้างานแบบตรงๆ
สำคัญที่สุดคือ เธอมี Positive Mindset คิดบวกเข้าไว้ การคิดบวกไม่ใช่การปฏิเสธความจริง แต่เป็นการยอมรับว่าโลกไม่ได้สวยงามขนาดนั้น แต่มันยังมีข้อดีหลงเหลืออยู่ ยังมีช่องว่างแห่งโอกาสในการสร้างสิ่งดีๆ ขึ้นมาท่ามกลางสิ่งลบๆ ขัดเกลาให้ยอมรับในตัวตนของเรา โอบกอดต้นทุนชีวิตเท่าที่มี มองเห็นข้อดีและคุณค่าในตัวเอง อายุขัยมนุษย์ถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับโลก เรามีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก เอาเวลาที่มีไปเผยแพร่พลังงานบวก ไปสร้างสิ่งดีๆ แก่ผู้คนและโลกใบนี้ดีกว่า
การคิดบวกยังเป็นตัวกระตุ้นให้เรามีเอเนอจี้ในการทำงานทุกวันด้วย เป็นเชื้อเพลิงนำพาไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญ น่าจะมีความสุขในการใช้ชีวิตด้วย
จากวันนั้น เรียกได้ว่า The rest is history เพราะ WHA Group เติบโตจนเป็นบริษัทใหญ่โตของเมืองไทยที่มีพื้นฐานทุกด้านแข็งแกร่ง เป็นต้นแบบให้คนร่นหลังได้ศึกษาตาม
พี่จูน จรีพร จารุกรสกุล คือกรณีศึกษาที่น่าประทับใจ เธอเป็น “ผู้นำที่สง่างาม” เรื่องราวของเธอย้ำว่าทุกคนย่อมเริ่มจากก้าวเล็กๆ แต่ถ้าเราทำให้มันถูกต้องตั้งแต่แรก กล้าฝันใหญ่ มีทัศนคติที่ดี จริงจังเป็นมืออาชีพกับมัน ก็นำพาความสำเร็จต่อยอดสู่เส้นทางการทำงานข้างหน้าได้เช่นกัน และก็ชวนฉุกคิดว่าถ้าเรานำไปปรับใช้กับอาชีพแรกๆ กลางๆ หรือแม้แต่ท้ายๆ ของเราก็น่าจะยกระดับศักยภาพการทำงานได้ไม่มากก็น้อย…
อ้างอิง
- https://www.wha-up.com/th/about-us/management-structure/directors/3/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5
- https://techsauce.co/exec-insight/wha-group-vision-tech-startup-ecosystem