“บริหารเวลา”ขั้นเทพสไตล์ World Leaders

บริหารเวลา
“คนที่เอ่ยปากว่ามีเวลาไม่พอ…คือคนที่ "บริหารเวลา" ไม่เป็น” คำกล่าวนี้น่าจะจริงเพราะ “บุคคลสำคัญระดับโลก” ในหลายวงการ ล้วนไม่เคยบ่นเรื่องเวลาเลย แต่กลับสร้างสรรค์ผลงานที่พลิกโฉมโลกมาแล้ว น่าสนใจว่าแล้วพวกเขามีวิธี “บริหารเวลา” อย่างไร? ตามไปดูกัน (ปล. หลายอย่างเรียบง่ายกว่าที่คิด ทำตามได้ไม่ยาก!)

Elon Musk | “Time Blocking”

ขอแนะนำให้รู้จักกับ Tony Stark ในชีวิตจริง ก่อนอื่น Elon Musk เรียงลำดับความสำคัญภารกิจต่างๆ ในชีวิต เขาเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ทะเยอทะยานที่สุดในการนำพามนุษยชาติไปดาวอังคาร จึงใช้เวลากว่า 80% ไปกับ SpaceX บริษัทจรวดของเขา ส่วนที่เหลือให้กับ Tesla และบริษัทอื่นๆ ที่เขาดูแล

จากนั้น เทคนิคที่เขาใช้เรียกว่า “Time Blocking” แบ่งเวลาซอยย่อยเป็นบล็อคๆ ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน เช่น กินข้าว 5 นาที / เขียนอีเมล์ 3 นาที / อาบน้ำ 6 นาที…เขาทำงานเฉลี่ยวันละ 10-12 ชม. บล็อคของเขาจึงถี่ซอยย่อยมากๆ Elon Musk เข้าใจกฎ Parkinson’s Law เป็นอย่างดีที่ว่า คนเราจะใช้เวลาทำงานหนึ่ง ‘เท่าที่เวลามีให้’ ถ้าต้องทำโปรเจคท์นี้ให้เสร็จภายใน 3 วัน คนจะใช้เวลา 3 วัน ถ้ามีเวลาให้ทั้งเดือน…คนจะใช้เวลาทั้งเดือน (นึกถึงสมัยเรียนมั๊ย?)

ด้วย Time Blocking เขาจะบีบให้การทำงานย่อยๆ เช่น เขียนอีเมล์ จากที่เขียนเรื่อยเปื่อยก็ลดลงเหลือหลักนาที(บางครั้งวินาที) และไปโฟกัสงานสำคัญแทน วิธีของเขาสอดคล้องกับการ “ตั้งเป้าหมาย” ก่อนจะถึงปลายทางต้องพบเจอกับภารกิจน้อยใหญ่แตกต่างกันไป

วิธีนี้ยังเป็นการสั่งสมองให้เกิด Deadline ไปในตัว ซึ่งจะกระทบไปเรื่องอื่นอย่างต่อเนื่อง เช่น ถ้าต้องกินมื้อเที่ยงให้เสร็จภายใน 10 นาที ต้องกินอะไรที่จะเคี้ยวได้หมดและได้รับสารอาหารครบถ้วน? ที่น่าสนใจคือ Elon Musk ทำงานหนักขนาดนี้ แต่เขาไม่ละทิ้งการนอน โดยใช้เวลานอนเฉลี่ยวันละ 6-6.30 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจุดที่เขารู้สึกลงตัวที่สุด

Tony Schwartz | “Rest”

ประธานของ Energy Project คือผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องการ “หยุดพักทุกระยะ” (Rest) เขาจะทำงานอย่างมีสมาธิสูงสุดไม่ให้อะไรมารบกวนและ…หยุดพักทุกๆ 90 นาที ประมาณ 5-10 นาที/ครั้ง ก่อนกลับไปทำงานใหม่ วนลูปแบบนี้ไปจนจบ เขาเข้าใจชีววิทยาร่างกายของมนุษย์ดี เมื่ออ่อนเพลียก็ต้องหยุดพัก เมื่อง่วงก็ไปนอน อย่าฝืน เขาเป็นคนที่แทบไม่ดื่มกาแฟหรือคาเฟอีนใดๆ เลย ที่สำคัญ การพักนั้นต้องเป็นการพักจริงๆ แบบปิดตัวเอง ห้ามเล่นมือถือ ห้ามคิดอะไร (Mindless Break)

Bill Gates | “Think Long-Term”

บิล เกตส์เผยว่า มุมมองเวลามีทั้งระยะสั้นและระยะยาว บางครั้งเขายอมทุ่มหมดหน้าตักให้กับระยะสั้น เพื่อที่จะเสวยสุขในระยะยาว ดังเช่นที่เคยทำมาในอดีต เขายังเคยกล่าวติดตลกว่า อันที่จริง ก่อนจะแต่งงานกับ Melinda(ภรรยา) เขาได้แต่งงานกับ Microsoft ก่อนซะอีก อยู่กินฉันสามีภรรยา ทุ่มเทเวลาให้กับมัน กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่มีชั่วโมงทำงานเพราะมันไม่ใช่งานแต่คือคู่ชีวิต มอบใจให้ทั้งหมดก่อนเขาจะประสบความสำเร็จด้วยซ้ำ

เมื่อสิ่งที่เขาทำออกดอกออกผล เขาไม่จำเป็นต้องทำงานอีกเลยตลอดชีวิต (Bill Gates คือคนที่รวยที่สุดในโลกติดต่อกันยาวนานที่สุด)

Carlos Ghose | “Productive Meeting”

CEO ของ Nissan บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ประเทศที่มีวัฒนธรรมเรื่องการประชุม แต่เขาไม่เหมือนคนอื่น แม้การประชุมจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทุกการประชุมของเขาจะต้องกำหนด “ระยะเวลา” ให้ชัดเจน และเลือก “ผู้เข้าร่วมประชุม” ที่เกี่ยวข้องจริงๆ เท่านั้น เช่น หัวข้อประชุมครั้งนี้คือมาตรการป้องกันโควิด-19 ใช้เวลา 60 นาที: 30 นาทีแรกนำเสนอ 30 นาทีหลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใครพูดเรื่องอะไรบ้าง คนละกี่นาที Action Plan เมื่อประชุมเสร็จคืออะไร

Warren Buffett | “NO!”

รู้หรือไม่? นักลงทุนระดับโลก คือเจ้าพ่อแห่งการ “ปฏิเสธ” เขารู้ดีว่าถ้าโอบกอดทุกอย่างเข้ามาในชีวิต แต่ละวันจะมีงานยิบย่อยให้ทำจนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เขาจะปฏิเสธงานดาษดื่น อะไรผิวเผินก็ตัดทิ้งให้หมด และ ‘โฟกัส’ งานที่เขามองว่าสำคัญจริงๆ เท่านั้น งานน้อยลงแต่เวลาเท่าเดิม เขาจึงเหมือนมีเวลาทำงานสำคัญมากขึ้นนั่นเอง (Steve Jobs เองยังเคยกล่าวว่า นวัตกรรมเกิดจากการปฏิเสธสิ่งต่างๆ)

Barack Obama | “Family Time”

เมื่อคุณบอกว่าคุณเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คุณคงจะยุ่งมากจนหลายคนจินตนาการไม่ออก โอบามารู้ถึงข้อนี้ดีและได้เตรียมพร้อมตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ทุกเช้า เขาจะตื่นมา “ออกกำลังกาย” โดยการวิ่งและยกเวท เป็นเวลา 45 นาที 6 วัน/สัปดาห์ เขายืนกรานว่านี่เป็นกิจวัตรที่ประนีประนอมไม่ได้ (Non-Negotiable Routine) งานวันนั้นของเขาจะทำได้ดีถ้าหากเขาได้ออกกำลังตอนเช้า

สื่อมวลชนที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำข่าวช่วงเช้าที่โอบามาออกกำลังกายเปิดเผยว่า เขาน่าจะเป็นปธน.ที่มีร่างกายฟิตกำยำที่สุดเท่าที่สหรัฐอเมริกาเคยมีมา นอกจาก Workout แล้ว ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ เขาแทบจะ Work From Home ตลอด เพราะใช้เวลาเดินเท้า 30 วินาที ก็ถึงห้องทำงานใน White House แล้ว แต่ละวันปธน.มีเรื่องต้องคิดเยอะมาก เขาจะมอบหมายงานที่สำคัญรองลงมาให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นเป็นคนจัดการ ส่วนตัวเขาจะทุ่มเวลาให้กับงานที่สำคัญที่สุดหรือการตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ (คล้ายกับ John C. Maxwell ที่ว่า ถ้าคนอื่นสามารถทำงานที่คุณทำได้อย่างน้อยๆ 80% งั้นจงมอบหมายงานนั้นซะ! เป็นแนวคิดให้คนอื่นทำแทนเรา)

สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ โอบามาเป็นสุภาพบุรุษที่ให้ความสำคัญกับ “Family Time” เวลาครอบครัวเป็นที่สุด ครอบครัวคือหัวใจของเขา ไม่ว่าวันนั้นเค้าจะเจออะไรมา ข้อพิพาทระหว่างประเทศ สงครามตะวันออกกลาง ปัญหาภาวะโลกร้อน ไม่ว่างานจะเสร็จหรือไม่เสร็จ ทุกเย็นเขาจะนั่งล้อมวงรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ‘ทุกวัน’ นอกจากนั้นเขาจะเดินพาส่งลูกๆ เข้านอน ซึ่งทำมาตลอด 8 ปีที่ดำรงตำแหน่ง 

เขาเสริมว่า ปธน.เป็นแค่ตำแหน่งชั่วคราว แต่ครอบครัวอยู่กับเขาตลอดไป..โอบามายังเป็น “นักอ่าน” ตัวยง กิจวัตรก่อนนอนทุกคืนคือการอ่านหนังสือประมาณ 30 นาที หนังสืออุดมไปด้วยแรงบันดาลใจ ได้ใช้ตรรกะขบคิด หลังก้าวลงจากตำแหน่ง เขายังออกมาแนะนำ “หนังสือแห่งปี” อยู่เป็นประจำ

ตัวคุณเองก็”บริหารเวลา”ได้แบบเดียวกับบุคคลสำคัญระดับโลก

แต่ก่อนจะมีเวลาเพื่อทำงาน ต้องรู้ก่อนว่าอยากทำงานแนวไหน? อยู่สายอาชีพแบบไหน?

ไปลองทำ “แบบประเมินอาชีพ” ฟรีๆ กับ CareerVisa ได้ที่ >>> https://www.careervisaassessment.com/five-shades-assessment-th/


อ้างอิง

Author

  • CareerVisa Team

    รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนานอกกรอบของคนทำงาน

Related   Articles

productivity

5 คำแนะนำจากปาก Elon Musk สู่ Ultra Productivity ใน 30 วัน

Productivity คือความสามารถในการทำงานหรือผลิตผลงานได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมักวัดจากผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับเวลาหรือความพยายามที่ใช้

หัวหน้าที่ดี

วิธีง่าย ๆ สู่การเป็น “หัวหน้าที่ดี” ที่ใคร ๆ ก็รัก

ไม่กลัวลูกน้องเก่งเกินหน้าเกินตา, ฟัง มากกว่า พูด, ชมเชยเมื่อทำดี และ ตำหนิแบบมีชั้นเชิง, ให้เครดิตกับทีม ไม่ใช่กับตัวเอง

นี่คือคุณสมบัติของ “หัวหน้าอันเป็นที่รักของลูกน้อง” ในฐานะหัวหน้างาน…เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นและลูกน้องรักมากขึ้น?

Presentation

Masterful Presentation : วิธีนำเสนอ สำคัญกว่า เนื้อหาที่พูด

1. Steve Jobs หยิบ MacBook Air ออกมาจากซองจดหมาย 2. หน้าสไลด์ที่มีแค่ 3 หัวข้อเท่านั้น 3. ซูชิคำเล็กๆ ที่ถูกจัดเรียงมาอย่างสวยงาม นี่คือตัวอย่างของ Masterful Presentation ศิลปะการนำเสนอขั้นเซียนที่สะกดใจผู้คน